ผ้าคลุมรถดับไฟ (Fire Blanket) เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อหยุดการลุกลามของเพลิงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในกรณีไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือจุดชาร์จไฟ ซึ่งสามารถเกิดอุณหภูมิสูงมากกว่า 1,000 องศาเซลเซียสได้ภายในไม่กี่วินาที
การดูแลและจัดเก็บผ้าคลุมดับไฟอย่างถูกวิธี จึงมีความสำคัญไม่แพ้การใช้งาน เพราะช่วยยืดอายุการใช้งานและรับประกันว่าพร้อมใช้ได้จริงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
1. ตรวจสอบสภาพผ้าคลุมเป็นประจำ
ควรตรวจสอบผ้าคลุมรถดับไฟอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
สิ่งที่ควรตรวจเช็ก ได้แก่
-
ผ้าไม่มีรอยขาด รอยไหม้ หรือรอยฉีก
-
ถุงบรรจุหรือปลอกผ้าไม่เสียหาย
-
ไม่มีความชื้นสะสมหรือเชื้อรา
-
ป้ายบอกวิธีใช้อยู่ในสภาพอ่านได้ชัดเจน
หากพบความเสียหาย ควรเปลี่ยนผืนใหม่ทันที เพราะผ้าที่ผ่านความร้อนหรือความชื้นอาจไม่สามารถทนไฟได้เต็มประสิทธิภาพอีกต่อไป
2. หลีกเลี่ยงการวางใกล้แหล่งความร้อนโดยตรง
ไม่ควรวางผ้าคลุมดับไฟไว้ใกล้เตาไฟ เครื่องทำความร้อน หรือบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดเวลา
อุณหภูมิสูงอาจทำให้เส้นใยไฟเบอร์กลาสเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
แนะนำให้จัดเก็บในพื้นที่ที่อุณหภูมิคงที่ มีการระบายอากาศดี และห่างจากความชื้นหรือฝุ่นละออง
3. จัดเก็บในจุดที่หยิบได้รวดเร็ว
การเก็บผ้าคลุมดับไฟควรคำนึงถึง “เวลาในการเข้าถึง” เป็นหลัก
เพราะในกรณีไฟไหม้ ทุกวินาทีมีค่า ควรติดตั้งหรือตั้งวางในตำแหน่งต่อไปนี้
-
ใกล้ประตูทางออกของโรงรถหรือจุดชาร์จ EV
-
แขวนไว้ในตู้ดับเพลิงหรือผนังใกล้ถังดับเพลิง
-
มีป้ายบอกตำแหน่งชัดเจน สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
-
อยู่ในระดับความสูงประมาณ 1.2–1.5 เมตรจากพื้น เพื่อหยิบได้สะดวก
4. เก็บให้ห่างจากความชื้นและน้ำฝน
ผ้าคลุมดับไฟส่วนใหญ่ผลิตจากไฟเบอร์กลาส ซึ่งทนความร้อนได้ดีแต่ไม่ควรสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน
หากต้องเก็บในพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ลานจอดรถหรือศูนย์บริการ ควรมีตู้กันน้ำหรือปลอกซิปปิดมิดชิด
เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของวัสดุและเชื้อรา
5. ห้ามพับหรือบีบอัดแน่นเกินไป
เมื่อจัดเก็บในถุงหรือปลอก ควรพับผ้าอย่างหลวม ๆ เพื่อให้สามารถดึงออกมาได้รวดเร็วในภาวะฉุกเฉิน
ห้ามม้วนหรือบีบอัดแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เส้นใยแตกหรือเสียรูป ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการคลุมและกันไฟ
6. หลังการใช้งาน ควรเปลี่ยนผืนใหม่ทันที
ผ้าคลุมดับไฟที่ผ่านการใช้งานจริงมาแล้ว จะสูญเสียคุณสมบัติการทนความร้อนบางส่วน
แม้ว่าจะดูไม่เสียหายก็ตาม
ดังนั้น หลังเหตุเพลิงไหม้ทุกครั้ง ควรเปลี่ยนผืนใหม่เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยครั้งต่อไป
7. บันทึกการตรวจเช็กประจำปี
สำหรับศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้า หรือองค์กรที่มีหลายจุดติดตั้ง ควรจัดทำตารางบันทึกการตรวจเช็กผ้าคลุมดับไฟทุก 6–12 เดือน
โดยระบุวันที่ตรวจ ผู้ตรวจสอบ และผลการตรวจ เพื่อให้สามารถติดตามการบำรุงรักษาได้อย่างเป็นระบบ
สรุป
ผ้าคลุมรถดับไฟเป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา
การดูแลที่ถูกวิธี เช่น การเก็บให้พ้นแสงแดด ความชื้น และตรวจสภาพสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผ้ามีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถหยุดเพลิงได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
เพราะในสถานการณ์ไฟไหม้ ความพร้อมเพียงไม่กี่วินาที อาจช่วยลดความเสียหายและรักษาชีวิตได้

