7 สเต็ปการทำงานของสถาปนิกในการออกแบบบ้าน

หลายคนเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่ากว่าจะเป็นบ้านหนึ่งหลังนั้นออกแบบอย่างไร? สถาปิกที่ทำหน้าที่ออกแบบบ้านนั้นจะมีขั้นตอนในการทำงานแบบไหน? เพราะการออกแบบบ้านที่หลายคนอาจจะมองแค่ว่าเป็นการเขียนขีดสิ่งที่อยากให้มีในบ้านก็สามารถส่งต่อให้ผู้รับเหมาทำงานได้แล้ว เป็นความเข้าใจที่ผิดและอาจส่งผลกระทบกับตัวบ้านในอนาคต ทั้งปัญหาทรุด บ้านพัง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสถาปนิกนั้นมีหน้าที่ในการออกแบบให้ตรงกับโจทย์ความต้องการ คำนวณน้ำหนักและวัสดุที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ รวมทั้งทิศทางลม และแสงแดดที่เหมาะสมอีกด้วย

การออกแบบบ้านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญจากสถาปนิก สถาปนิกมีหน้าที่ในการวางแผนและออกแบบบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าของบ้านและข้อบังคับทางกฎหมาย โดยขั้นตอนการทำงานของสถาปนิกในการออกแบบบ้านสามารถแบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้

ที่มา: รูปภาพ

1. การศึกษาข้อมูลและความต้องการของเจ้าของบ้าน

ขั้นตอนแรกสถาปนิกจะทำการพูดคุยกับเจ้าของบ้านเพื่อศึกษาข้อมูลและความต้องการต่างๆ ของเจ้าของบ้าน เช่น งบประมาณ พื้นที่ใช้สอย จำนวนสมาชิกในครอบครัว ไลฟ์สไตล์ ทิศทางลม ทิศทางแสงแดด เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สถาปนิกสามารถออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้านได้อย่างตรงจุด

2. การวางเค้าโครงของการออกแบบและการออกแบบร่างขั้นต้น

เมื่อได้ข้อมูลและความต้องการของเจ้าของบ้านแล้ว สถาปนิกจะเริ่มวางเค้าโครงของการออกแบบและการออกแบบร่างขั้นต้น โดยขั้นตอนนี้สถาปนิกจะทำการร่างแบบบ้านโดยประมาณ เพื่อแสดงแนวคิดและรูปแบบของบ้านให้กับเจ้าของบ้านดู

3. การออกแบบร่างครั้งสุดท้าย

เมื่อเจ้าของบ้านเห็นแบบร่างขั้นต้นแล้ว สถาปนิกจะทำการปรับปรุงแก้ไขแบบร่างให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้านมากที่สุด โดยขั้นตอนนี้สถาปนิกจะจัดทำแบบแปลนบ้าน 3 มิติ และภาพจำลองบ้าน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถมองเห็นภาพรวมของบ้านได้อย่างชัดเจน

4. การพัฒนาแบบก่อสร้าง เอกสารขออนุญาติและการก่อสร้าง

เมื่อเจ้าของบ้านเห็นแบบแปลนบ้าน 3 มิติ และภาพจำลองบ้านแล้ว และพอใจกับการออกแบบแล้ว สถาปนิกจะทำการจัดทำแบบก่อสร้างและเอกสารขออนุญาติก่อสร้าง โดยขั้นตอนนี้สถาปนิกจะจัดทำแบบแปลนบ้านแบบละเอียด เพื่อใช้ประกอบในการขออนุญาติก่อสร้างจากหน่วยงานราชการ

5. การประกวดราคาและการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง

เมื่อได้รับอนุญาติก่อสร้างแล้ว เจ้าของบ้านจะต้องทำการประกวดราคาและคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยขั้นตอนนี้เจ้าของบ้านจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประสบการณ์ ผลงานที่ผ่านมา ราคา เงื่อนไขการรับประกัน เป็นต้น

6. การก่อสร้าง

เมื่อได้ผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างบ้าน โดยขั้นตอนนี้เจ้าของบ้านจะต้องคอยติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง และตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ

7. การส่งมอบเอกสาร

เมื่อการก่อสร้างบ้านเสร็จสิ้นแล้ว สถาปนิกจะทำการจัดทำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือรับรองการประกอบอาคาร ใบอนุญาติก่อสร้าง เป็นต้น และส่งมอบให้กับเจ้าของบ้าน

ที่มา: รูปภาพ
ที่มา: รูปภาพ

Drawing

หลังจากงานดีไซน์ Approved สถาปนิกจะอ และจัดทำรายละเอียดเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขออนุญาตก่อสร้างที่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ ข้อกำหนดของท้องถิ่น และองค์กรณ์ท้องถิ่นควบคุม รวมทั้งรายละเอียดของการก่อสร้าง และรายการประกอบแบบ

  • แบบแปลนบ้านใช้สำหรับการขออนุญาตก่อสร้าง
  • แบบแสดงถึงผังบริเวณและระบบสาธารณูปโภคในส่วนภายนอกอาคาร
  • แบบแสดงถึงแปลนทุกชั้น
  • แบบแสดงถึงรูปด้านทั้งหมด 4 ด้าน
  • แบบแสดงถึงรูปตัดอย่างน้อยจำนวน 2 รูป
  • แบบแสดงถึงรายละเอียดและแบบขยายต่างๆ 
  • แบบวิศวกรรมโครงสร้าง รายละเอียด และรายการคำนวณสำหรับการขออนุญาตก่อสร้าง
  • รายการประกอบแบบของการก่อสร้างทุกงาน (งานสถาปัตย์และวิศวระบบต่างๆ) อย่างละเอียด
  • เอกสารประมาณราคากลางสำหรับค่าก่อสร้างอย่างละเอียด

หน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่ละวิชาชีพ

สำหรับการสร้างบ้านที่มูลค่าอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดจะใช้วิศวกรรมไฟฟ้า, วิศวกรรมโยธา, เท่านั้น  แต่ถ้าโครงการที่มีขนาดใหญ่ หรือมีฟังชั่นการใช้งานที่ซับซ้อน ก็ต้องมีทีมวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆเข้ามาร่วมในโครงการ ก็จะเพิ่มขึ้นตามรายละเอียดการก่อสร้าง เช่น การสร้างโรงงาน  อาคารตึกสูง โครงการบ้าน อาคารสาธารณะ  ฯลฯ  ค่าบริการวิชาชีพวิศวกรรม จะถูกคิดรวมกับค่าออกแบบแล้ว

  • วิศกรรมโยธา (Structural Engineer)
    ทำหน้าที่ออกแบบโครงสร้างให้แข็งแรงและสามารถก่อสร้างได้จริงตามที่สถาปนิกได้ออกแบบไว้
  • วิศวกรรมไฟฟ้า (Electrical Engineer)
    ทำหน้าที่ออกแบบระบบไฟฟ้าทั้งหมดของบ้าน ตามความต้องการของบ้านที่ออกแบบไว้
  • วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (Environmental Engineer)
    ทำหน้าที่ ออกแบบระบบสุขาภิบาล ระบบน้ำเสีย ระบบระบายน้ำฝน และระบบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
  • วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanica Engineer)
    ทำหน้าที่ออกแบบระบบปรับอากาศ ระบายอากาศ ระบบดับเพลิงลิฟต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และออกแบบจัดระบบกลไกภายในบ้านให้เข้ากับอุปกรณ์นั้น ๆ ได้ รวมถึงให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อปุกรณ์ต่างๆ
  • สถาปนิก (Architect)
    ทำหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้โครงการ ความต้องการของเจ้าของอาคาร และออกแบบวางผังอาคาร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพื้นที่นั้น ๆ ให้คำแนะนำกับเจ้าของโครงการ และประสานงานกับวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
ทั้ง 7 ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการทำงานจริงของสถาปนิก โดยใช้เวลาขั้นต่ำประมาณ 2 เดือนถึงจะเสร็จสมบูรณ์ การสร้างบ้านโดยสถาปนิกมืออาชีพนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ และถูกต้องตามหลักของศาสตร์ฮวงจุ้ยสอดคล้องกับทิศทางลมและแสงแดดเพื่อความเป็นสิริมงคลของการอยู่อาศัย
อยากได้บ้านสวยถูกใจแถมยังถูกโฉลก เพราะะ FU LU SHOU รับออกแบบบ้านโดยสถาปนิกมืออาชีพ พร้อมรับออกแบบบ้านตามศาสตร์ฮวงจุ้ยบ้านของจีนอย่าเชี่ยวชาญ อยากมีบ้านปัง ๆ จัดบ้านแล้วรวย รีบมาปรึกษา FU LU SHOU Architecture เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ซินแส บริษํทรับออกแบบบ้านที่เชี่ยวชาญการออกแบบบ้านตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทุกเรื่องสำหรับการออกแบบบ้าน โดยทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์
safety equipment

ที่มา: https://fulushouarchitecture.com/7

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *