การทำงานในคลังสินค้าไม่ว่าประเภทไหนก็ตามล้วนมีความเสี่ยง เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดาอุปกรณ์เซฟตี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานทุกคนควรต้องมีการสวมใส่หรือภายในคลังสินค้าต้องมีการติดตั้งเอาไว้เสมอ กรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อยอุปกรณ์เซฟตี้เหล่านี้จะได้ช่วยผ่อนหนักให้กลายเบาได้ จากที่ต้องเจ็บหนักก็กลายเป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อย หรือไม่ต้องเจ็บปวดเลยเพราะสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน อุปกรณ์เซฟตี้ที่ควรต้องนำมาใช้ภายในคลังสินค้าก็มีอยู่หลายประเภท ในวันนี้ ร้านไทยจราจร ขอแนะนำ 8 อุปกรณ์เซฟตี้ที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน จะมีอุปกรณ์ใดบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันครับ
1. เข็มขัดพยุงหลัง – เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นแรกที่เชื่อว่าทุกคลังสินค้าต้องมีหรือบางคนซื้อมาเป็นของส่วนตัวเพื่อใช้ทำงานเลยด้วยซ้ำ อุปกรณ์ที่ว่าก็คือเข็มขัดพยุงหลัง หรือ Back Support Belt ด้วยความที่เป็นคลังสินค้า ในด้านการทำงานมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการยกของ เข็นของและใช้แรงเพื่อให้งานลุล่วง ดังนั้นการที่เข็มขัดตัวนี้เข้าไปช่วยพยุงกระดูกสันหลังของเราก็ทำให้ช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหลัง ช่วยให้ท่าทางในการยกถูกต้องจึงป้องกันอาการปวดหลังที่จะเกิดขึ้นได้
2. บันไดหนีไฟ – กรณีที่คลังสินค้านั้น ๆ มีชั้นบนการมีอุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นนี้เอาไว้ถือว่ามีประโยชน์เยอะมาก อย่าลืมว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สมมุติว่ามีคนงานทำงานอยู่ด้านบนของคลังสินค้า ปรากฏว่าเกิดไฟไหม้ คนไม่สามารถเข้าออกทางประตูหลักได้ตามปกติ ซึ่งหากมีการติดตั้งบันไดหนีไฟเอาไว้ใกล้หน้าต่างเมื่อเกิดเหตุก็รีบวิ่งไปแล้วจัดการพาดบันไดลงไปด้านล่าง ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงมาก ๆ
3. ป้ายตั้งถังดับเพลิง – เป็นอุปกรณ์เซฟตี้ที่คล้ายกับข้อ 2 กรณีที่เกิดไฟไหม้แล้วเมื่อเห็นป้ายนี้จะทำให้รู้ว่าถังดับเพลิงอยู่ตรงไหน เมื่อรู้แล้วก็สามารถไปหยิบเพื่อมาใช้งานบรรเทาเหตุให้เบาลงก่อนได้ ดีกว่าติดตั้งถังดับเพลิงเอาไว้แต่ไม่มีป้ายบอก พอถึงเวลาเกิดเหตุไฟไหม้ ต่างคนต่างแตกตื่นหาถังไม่เจอ เท่ากับว่าการติดตั้งถังดับเพลิงนั้นก็ไร้ประโยชน์ไปเฉย ๆ การมีอุปกรณ์ตัวนี้ช่วยให้ทราบตำแหน่งถังดับเพลิง ช่วยให้ดับไฟเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น ยิ่งกรณีที่ไฟไม่ได้รุนแรงมาก การหยิบถังดับเพลิงมาใช้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียหายน้อยเท่านั้น
4. ไซเรนหมุนมือ – อุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นต่อมาเป็นอุปกรณ์สำหรับเอาไว้แจ้งหรือบอกเหตุในทุก ๆ กรณีที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า เช่น เกิดเหตุไฟไหม้ , สินค้าหล่นลงมาทับคน , มีผู้อื่นบุกรุก , มีสัตว์ร้ายเข้ามา และอื่น ๆ ด้วยน้ำหนักที่เบาของอุปกรณ์ชนิดนี้จึงทำให้สามารถวางไว้ได้ในหลาย ๆ จุด เวลาพบเจอเหตุร้ายหรือต้องการเตือนเพื่อน ๆ ร่วมงาน ก็แค่หมุนเพื่อให้เกิดเสียงดังให้คนอื่น ๆ ได้ยินจะได้รีบเข้ามาช่วยเหลือ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรมองข้ามหากต้องการความปลอดภัยในคลังสินค้าไม่ว่าจะเป็นคลังประเภทไหนก็ตาม
5. หมวกและแว่นตานิรภัย – อุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นต่อไปเป็นการเซฟตี้เฉพาะบุคคล นั่นคือหมวกกับแว่นตานิรภัย โดยเฉพาะคนที่ต้องเข้าไปยังพื้นที่คลังสินค้าที่มีโอกาสเสี่ยงโดนอุปกรณ์หรือเศษจากสิ่งก่อสร้างหรือสิ่งของต่าง ๆ ร่วงใส่หรือบริเวณที่มีฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก การสวมอุปกรณ์เซฟตี้เหล่านี้เอาไว้จะช่วยทำให้การใช้งานพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดปัญหากับอวัยวะอย่างตาและศีรษะ ซึ่งถือเป็นอวัยวะที่สำคัญโดยเฉพาะดวงตาที่จะหาอวัยวะทดแทนได้ยาก เป็นอุปกรณ์ที่ภายในคลังควรมีเอาไว้เผื่อว่ามีใครจำเป็นต้องใช้งานในบางพื้นที่
6. รองเท้าเซฟตี้ – รองเท้าประเภทนี้เป็นรองเท้าพิเศษที่ไม่เหมือนกับรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าทั่ว ๆ ไป ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับคลังสินค้านั้น ๆ ด้วยว่าเป็นคลังสินค้าแบบใด ถ้าหากเป็นคลังที่มีโอกาสของหล่นใส่เท้าบ่อย ๆ ก็อาจเป็นรองเท้าแบบหัวเหล็ก , คลังที่มีกระแสไฟฟ้าตามจุดต่าง ๆ ก็ต้องเป็นแบบกันไฟฟ้า หรือต้องสัมผัสกับสารเคมีก็ต้องเลือกรองเท้าที่มีการป้องกันสารเคมีด้วย ไม่อย่างนั้นอาจได้รับสารเคมีอันตรายเข้าสู่ร่างกายได้
7. หน้ากากและที่อุดหู – ควรใช้งานกับทุกพื้นที่คลังสินค้าที่มีเสียงดังเกินขีดจำกัด รวมถึงใช้กับพื้นที่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง , ควันพิษจากการเผาไหม้ , กลิ่นสารเคมี และอื่น ๆ การมีอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกายของเราจนเกิดอันตรายหรือสะสมปริมาณมากจนเกิดอาการป่วย ยิ่งใครทำงานมานานแล้วและไม่เคยสวมเครื่องป้องกันด้วยอุปกรณ์เหล่านี้เลย โอกาสที่ร่างกายจะป่วยจากโรคจึงมีอัตราเสี่ยงสูงมาก ๆ
8. ถุงมือนิรภัย – อุปกรณ์เซฟตี้อย่างสุดท้ายสำหรับคนที่ทำงานในคลังและต้องสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายควรมีการเลือกใส่ถึงมือนิรภัยให้ถูกประเภทด้วย เช่น ถุงมือกันสารเคมีสำหรับงานสารเคมี, ถุงมือกันความร้อนสำหรับงานที่ต้องสัมผัสความร้อน, ถึงมือกันบาดกับงานสัมผัสของมีคม หรือถุงมือไฟฟ้าสำหรับงานที่ต้องมีการใกล้ชิดกับไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้ง 8 อุปกรณ์เซฟตี้ที่ ร้านไทยจราจร ได้พูดถึงทั้งหมดนี้นับเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีไว้ให้พนักงานในคลังสินค้าได้นำไปใช้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน อย่าลืมว่าความปลอดภัยของการทำงานต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นไม่ควรละเลยเรื่องของอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยเด็ดขาด เราไม่รู้ได้ว่าเมื่อใดที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้น จึงต้องมีการป้องกันหรือเตรียมตัวเอาไว้เสมอ วิธีนี้จะช่วยให้ลดปัญหาการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุไม่คาดฝันได้อย่างดีที่สุด ทำให้มั่นใจขณะทำงานและส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย
Block "content-bottom" not found