อย่าสต๊อกสินค้า!! ถ้ายังไม่รู้จัก สูตร EOQ (เจาะละเอียด!)

การทำธุรกิจในยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างในปัจจุบัน จำเป็นต้องคำนึงถึงการควบคุมสต๊อกสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีสินค้าค้างเก่าเหลือในสต๊อกมากเกินไป ทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่เกินไประหว่างที่รอจำหน่ายได้ด้วย และที่สำคัญ คือเป็นการลดความเสี่ยงอุบัติภัยที่อาจเกิดได้ในระหว่างการขนส่งหลายเที่ยว และจากการจัดเก็บสินค้าจำนวนมาก อาทิ เกิดการติดไฟของสินค้าบางประเภท ซึ่งทำให้ต้องมีอุปกรณ์นิรภัย เช่น ถังดับเพลิงพร้อมป้ายตั้งถังดับเพลิง ป้ายทางออกฉุกเฉิน และบันไดหนีไฟที่พร้อมใช้งาน ในพื้นที่ของโกดังและคลังสินค้าอยู่เสมอ
สูตร EOQ หรือ Economic Order Quantity เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันอย่างมากในปัจจุบัน ในการคำนวณสต๊อกสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งร้านไทยจราจร ขอบอกเลยว่า อย่าเพิ่งสต๊อกสินค้า หากยังไม่รู้จักสูตรนี้ จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง? เราไปดูพร้อมกันเลย
EOQ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?
ค่า EOQ ตามความหมายแล้ว เป็นการคำนวณจุดสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด สำหรับพยากรณ์ไว้ ล่วงหน้าว่าสมควรสต๊อกสินค้าเท่าไรในปีหนึ่ง ๆ
 โดยสูตรคำนวณนั้น ก็ไม่ยากเลย มีตัวแปรเพียงสามตัวเท่านั้น ดังนี้
EOQ=√((2xDxS)÷H
 โดยค่า D คือ ปริมาณความต้องการสินค้านั้น ๆ จากท้องตลาดในช่วงเวลาหนึ่งปี
ค่า S คือ ค่าใช้จ่ายของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อแต่ละครั้ง
ค่า H คือ ค่าใช้จ่ายส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านการเก็บรักษาสินค้า หรือวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์นั้น โดยเทียบต่อสินค้าหนึ่งชิ้นและในช่วงเวลาหนึ่งปี
 ยกตัวอย่าง เช่น บริษัท ABC เป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายโทรทัศน์จอแบน ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งลูกค้ามีความนิยมซื้อสินค้าในช่วงปีที่ผ่านมาถึง 20,000 เครื่อง โดยที่บริษัท ABC มีต้นทุนในการสั่งซื้อแต่ละครั้งเฉลี่ย 1,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาโทรทัศน์ 100 บาทต่อเครื่องต่อปี
 เมื่อนำมาเข้าสูตรจะได้ว่า ค่า D เท่ากับ 20,000 ค่า S เท่ากับ 1,000 และค่า H เท่ากับ 100
EOQ=√((2×20,000×1,000)÷100)
EOQ = 632
ดังนั้น จึงหมายความว่า จำนวนโทรทัศน์ ที่บริษัท ABC ควรสั่งซื้อจากต่างประเทศเพื่อสต๊อกในคลังสินค้าได้ อย่างประหยัดที่สุด คือ 632 เครื่องนั่นเอง
EOQ สามารถใช้กับสินค้าอะไรได้บ้าง?
สูตร EOQ เหมาะสมกับการคำนวณสต๊อกของสินค้าที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เป็นสินค้าที่อยู่ในความนิยมของท้องตลาดอย่างสม่ำเสมอ
2. มีความเที่ยงตรงของระยะเวลาที่ใช้ในการผลิต และการออกเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3. กระบวนการจัดส่งสินค้า ต้องไม่มีความล่าช้า
4. ไม่มีระบบส่วนลดจากจำนวนการสั่งซื้อสินค้านั้น
5. มีต้นทุนด้านการจัดเก็บ และการสั่งซื้อ รวมถึงการจัดเตรียมสินค้าเท่านั้น ที่เป็นประเด็นสำคัญ
หากมีคุณสมบัติครบถ้วนตาม 5 ประเด็นที่กล่าวมา ก็สามารถใช้สูตร EOQ ได้ อย่างมั่นใจแน่นอน
ข้อดีของการคำนวณสต๊อกด้วย EOQมีอะไรบ้าง?
1. ช่วยให้มีสินค้ารองรับความต้องการของท้องตลาดได้อยู่เสมอ
2. ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งหลายเที่ยว โดยเฉพาะหากเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ
3. ช่วยประหยัดต้นทุนของบริษัทในการสั่งซื้อสินค้าแต่ละล็อต
4. ลดระดับความเสียหายรุนแรงจากการเกิดอุบัติภัยภายในคลังสินค้า เช่น เหตุไฟไหม้จากวัตถุไวไฟ หรือติดไฟได้ ทั้งนี้ จึงควรเลือกคลังสินค้าที่มีระบบรักษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการภายในอาคารที่ดีที่สุด เช่น
– มีป้ายทางออกฉุกเฉิน และบันไดหนีไฟที่ชัดเจน
– มีสัญญาณไซเรนที่มีประสิทธิภาพในการเตือนภัย ทำให้รับมือกับภาวะฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี
5. ลดโอกาสเกิดอุบัติภัยในการจราจรขนส่งสินค้า ทั้งระหว่างเส้นทางการขนส่งบนท้องถนน และภายในพื้นที่ของโกดังหรือคลังสินค้าจากการต้องวิ่งรถบรรทุกขนส่งสินค้าหลายเที่ยว เป็นต้น
6. ลดโอกาสสินค้าสูญหาย เมื่อมีการเก็บในปริมาณมาก ทั้งนี้ ควรเลือกคลังสินค้าให้เช่าที่มีมาตรการป้องกันความปลอดภัยที่รัดกุม เช่น
– มีกล้องวงจรปิดติดตั้งคู่กับตู้ยามและไม้กระดกอัตโนมัติ ซึ่งใช้ระบบการสแกนบาร์โค้ดในการผ่านเข้าออก
– มีการติดตั้งกระจกโค้งจราจรที่มีขนาดใหญ่เหมาะสม และมีจำนวนมากเพียงพอ เพื่อลดมุมอับสายตาติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ทั้งนอกอาคารและภายในอาคารโกดัง
– มีโคมไฟส่องสว่าง หรือที่เรียกกันว่าโคมไฟถนนระบบโซล่าเซลล์กระจายตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นที่ชัดเจนเพียงพอในเวลากลางคืน
ข้อจำกัดในการใช้สูตร EOQ มีอะไรบ้าง?
1. ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการคำนวณในสูตรนี้ ยังไม่รวมค่าประกันภัยสินค้าที่ ต้องทำกับบริษัทประกันต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงค่าเสียหายจากอุบัติภัยและการขนส่ง รวมถึงการจัดเก็บในคลังสินค้า
2. หากเป็นสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อซ้ำในแต่ละครัวเรือน อาจทำให้การกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ ๆ น้อยกว่าสินค้าประเภทเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า อาหาร เครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ ฯลฯ จึงควรเพิ่มการวิเคราะห์ในส่วนนี้ควบคู่กับผลที่ได้จากสูตร EOQ ด้วย
3. กรณีสินค้ากลุ่มแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ต้องคำนึงถึงความผันแปรของเทรนด์ ในแต่ละช่วงเวลาด้วย
จะเห็นได้ว่าสูตร EOQ สามารถตอบโจทย์การคำนวณสต๊อกสินค้าและลดความเสี่ยงของการทำธุรกิจยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเก็บสต๊อกสินค้าในคลังโกดัง จำเป็นต้องใช้เทคนิคคำนวณที่เหมาะสม ทั้งต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ไม่ควรประมาทในการสต๊อกสินค้าในจำนวนที่มากเกินไปจนเสี่ยงต่อการขาดทุน ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่ากระแสความนิยมของกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันนั้น มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากด้วยเช่นกัน
หากท่านเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า รวมถึงธุรกิจทำโกดังและคลังสินค้าให้เช่า เชิญชมสินค้าคุณภาพดี ที่ช่วยส่งเสริมงานด้านความปลอดภัย ได้ที่ www.trafficthai.com ร้านไทยจราจร เรายินดีให้บริการทุกท่านตลอด 24 ชั่วโมง

Block "content-bottom" not found