ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ เนื่องจากในสังคมจะมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปมากกว่าประชากรวัยเด็ก ซึ่งมาจากสาเหตุการเกิดและการตายของประชากรลดลง ทำให้จำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากจะส่งผลทั้งเรื่องการขาดแคลนแรงงานในวัยทำงานแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาสังคมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวที่บ้านเพราะลูกหลานไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนแต่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้านหรือทำงานในต่างจังหวัดเพื่อหาเลี้ยงคนในครอบครัวทำให้มีความจำเป็นต้องทิ้งผู้สูงอายุไว้กับบ้าน อย่างไรก็ตาม ร้านไทยจราจร ผู้จำหน่าย อุปกรณ์จราจร คุณภาพสูง เห็นว่าการปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียวนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สูงอายุได้หลายอย่าง แต่จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้เรามีคำตอบดี ๆ มาฝาก
อันตรายอย่างแรกที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุได้ง่ายที่สุดคือ ปัญหาผู้สูงอายุหกล้ม อุบัติเหตุที่มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนใหญ่การลื่นล้มมักจะเกิดขึ้นในบ้านมากกว่าที่อื่น ซึ่งเกิดจากการสูญเสียการทรงตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยในผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 พบความเสี่ยงอยู่ที่ประมาณ 28-35% แต่หากมีอายุเพิ่มขึ้นเป็น 70 ปี ขึ้นไปจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเป็น 32-42% สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุหกล้มนั้นเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ของผู้สูงอายุเอง เช่น สายตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัดเจน
มีภาวะกระดูกพรุน ข้อต่อ และเอ็นเสื่อมสภาพทำให้ทรงตัวได้ไม่ดี มีภาวะโรคประจำตัวเรื่อรัง หรือต้องทานยา 4 ชนิดต่อวัน สำหรับอีกปัจจัยคือ สภาพแวดล้อม เช่น ระบบแสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่มี ไฟฉุกเฉิน เมื่อเวลาไฟฟ้าดับ ภายในห้องต่าง ๆ ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเกาะ วัสดุที่ใช้ทำพื้นบ้านลื่น ไม่มี เทปกันลื่น เป็นต้น อันตรายที่เกิดจากการที่ผู้สูงอายุหกล้มนั้นจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่บริเวณ แขน ขา สะโพก และศีรษะ ซึ่งอาจทำให้มีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บรุนแรงหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนั้นยังพบว่าผู้สูงอายุที่เคยหกล้มครั้งแรกจะมีแนวโน้มเสี่ยงที่จะหกล้มเพิ่มขึ้นเป็น 2 -3 เท่า
ส่วนอันตรายอย่างที่สองคือ การตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งในปัจจุบันพบว่า ผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพังมักตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ง่าย โดยมีทั้งกรณีหลอกลวงให้เสียทรัพย์ ปล้น ทำร้ายร่างาย และฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ หรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายเพื่อล่วงละเมิดทางเพศกับหญิงสูงอายุ เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีนิสัยโอบอ้อมอารี ไว้ใจคนง่าย และไม่มีทางสู้ จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเข้าถึงตัวได้ง่าย
นอกจากนี้ อันตรายอย่างที่สามคือ ผู้สูงอายุลืมทานยา ทานยาไม่ตรงเวลา หรือทานยาซ้ำ ซึ่งทั่วไปแล้วยาสำหรับโรคประจำตัวเรื่อรังส่วนใหญ่แพทย์มักจะจัดตามความเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน ดังนั้นหากผู้สูงอายุมีภาวะหลงลืมก็อาจทำให้ทานยาไม่ตรงตามเวลาที่แพทย์กำหนด ซึ่งนอกจากจะมีผลต่อการรักษาแล้วยังมีส่งผลต่อการทำงานของระบบร่างกาย ตัวอย่างเช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือด หากผู้สูงอายุทานยาไม่ตรงกำหนดเวลามาก ๆ หรือลืมทานยาก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ผู้สูงอายุมีอาการกระหายน้ำ คลื่นไส้ ปัสสาวะบ่อย ตาพร่ามัว จนถึงขั้นช็อกหมดสติได้ แต่หากมีการทายาซ้ำมากจนเกินไปในแต่ละวันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติทำให้ผู้สูงอายุมีอาการเหงื่อออก อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ เป็นลมหรือช็อกหมดสติได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามการทานยาผิดและยาหมดอายุก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ผู้สูงอายุเป็นอันตรายได้เช่นกัน เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีปัญหาสายตาฝ้าฟาง รวมทั้งยังมีการสะสมยาไว้เป็นจำนวนมากเพราะการไปหาหมอแต่ละครั้งจะมีการเปลี่ยนยาหรือปรับปริมาณยาที่ต้องทานในแต่ละช่วง จึงอาจทำให้รับประทานยาผิดหรือยาหมดอายุโดยไม่รู้ตัวได้
สำหรับอันตรายอย่างสี่คือ ปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ นับว่าเป็นปัญหาสุขภาพจิตอันดับหนึ่งที่พบในผู้สูงอายุ โดยจะพบได้ร้อยละ 2-10 และอาจพบได้สูงถึงร้อยละ 20 ในบ้านพักคนชรา ปัญหาโรคซึมเศร้าที่พบในผู้สูงอายุนั้นจะมีอาการแตกต่างจากโรคซึมเศร้าทั่วไป ได้แก่ ผู้สูงอายุจะไม่บอกว่ามีอาการเศร้า ไม่ร้องไห้ มีอาการเบื่อหน่ายและไม่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกันมักจะมีอาการทางกายให้เห็นอย่างเด่นชัดจนต้องไปพบแพทย์บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปวดหัว นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เป็นต้น แต่เมื่อไปตรวจอย่างละเอียดแล้วจะไม่พบความผิดปกติใด เนื่องจากไม่ได้มีความผิดปกติจากร่างกาย นอกจากนั้นยังพบว่ามีอาการหลงลืม สมาธิไม่ดี ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้ลูกหลานเข้าใจผิดว่ามาเป็นอาการที่มาจากโรคประจำตัว
จะเห็นได้ว่าการปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียวนั้นก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ร้านไทยจราจร ผู้จำหน่าย เทปกันลื่น และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ขอให้ลูกหลานควรป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อจำเป็นต้องให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง เช่น ติดกล้องวงจรปิดภายในบ้านเพื่อป้องกันเหตุร้าย จัดการสภาพแวดล้อมให้มีสุขอนามัยเพียงพอและจัดระเบียบสิ่งของต่าง ๆ ไม่ให้เกะกะทางเดิน หรือจัดหาผู้ดูแลที่เชี่ยวชาญมาดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เป็นต้น แต่ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรักและความเอาใจใส่ หากมีเวลาว่าง ลูกหลานควรพูดคุยหรือพาไปออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้สูงอายุ
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found