อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนทุกวันนี้เกินครึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเรื่องของการหลับใน ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก ๆ เมื่อต้องขับรถ เพราะอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่โดยไม่รู้ตัว แม้เป็นเวลาแค่ 2-3 วินาทีก็สามารถทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงแบบที่ไม่คาดคิดได้แล้ว เช่น ขับไปชน แผงกั้นจราจรบรรจุน้ำ หรือลงข้างทาง หรือชนเสาไฟฟ้า กลายเป็นเรื่องสลดมีให้เห็นเยอะมาก ๆ ร้านไทยจราจร จึงอยากมาบอกเล่าถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนขับเกิดอาการหลับในซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตตนเองและผู้อื่นอย่างมาก
1.พักผ่อนไม่เพียงพอ
สาเหตุแรกถือเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดการหลับในระหว่างขับขี่ได้มากที่สุด คำว่าพักผ่อนไม่เพียงพอในที่นี้หมายถึงว่าได้นอนมาอย่างไม่เต็มอิ่ม หรือต้องทำงานหนักติดต่อกันหลาย ๆ วันโดยมีเวลานอนน้อยมาก ๆ ปกติแล้วคนเราควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง แต่การพักผ่อนน้อยคือบางคนนอนวันละไม่ถึง 4 ชั่วโมงด้วยซ้ำ พอมาขับขี่รถความเพลียสะสมบวกกับความง่วงที่เกิดขึ้นระหว่างทางอาจทำให้หลับในเอาได้ง่าย ๆ เลย
2.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ
ลำพังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้ประสาทเสียการควบคุมอยู่แล้ว ยิ่งใครที่ดื่มแล้วต้องมาขับรถแม้จะรอดพ้นไม่เจอ ป้ายไฟหยุดตรวจ ของด่านตำรวจแต่โอกาสจะเกิดการหลับในมีสูงมาก ต่อให้บางคนบอกว่าดื่มนิดเดียวแต่ด้วยสติที่ไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมบวกกับการดื่มสิ่งเหล่านี้ทำให้มึนเมา ง่วงนอนง่าย จึงกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลับในจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในที่สุด แนะนำว่าหากดื่มอย่าขับเลยดีกว่าเพราะมันไม่ได้จบแค่อุบัติเหตุแน่หากรอดมาได้
3.ทานยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาทให้ง่วง
ยาต่าง ๆ เหล่านี้มีปัจจัยหลักคือต้องการให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ดังนั้นส่วนผสมของยาจึงมีสารบางชนิดที่ออกฤทธิ์กดประสาทเอาไว้เพราะต้องการให้นอนหลับ การทานยาแก้หวัด แก้แพ้ หรือยาที่มีฤทธิ์ดังกล่าวจึงเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการง่วงระหว่างขับแบบไม่รู้ตัว บางคนขับ ๆ ไปอยู่เผลอหลับตอนไหนยังไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีคือเกิดอุบัติเหตุแล้ว
4.ขับรถโดยไม่หยุดพักเลย
แม้บางคนจะบอกว่าตนเองนอนมาเต็มอิ่ม พร้อมเต็มที่ในการขับขี่แต่อย่าลืมว่าการขับรถก็ถือเป็นการทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้นหากทำไปนาน ๆ ความล้าของร่างกายย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งใครขับรถระยะไกลเกิน 3-4 ชม. ขึ้นไปโดยไม่จอดหยุดพักเลยโอกาสจะเพลียจนเผลอหลับในก็มีสูงมาก ๆ แนะนำว่าหากขับไปสัก 2-3 ชม. หรือระยะทางราว 150-200 กม. ควรจอดพักยืดเส้นยืดสายบ้างจะได้ไม่ง่วงจนเกินไป
5.ขับรถเวลากลางคืน
การขับรถเวลากลางคืนถือเป็นสิ่งที่หลายคนชอบมาก บ้างก็บอกว่าอากาศไม่ร้อน, รถไม่ติด, สัญญาณไฟจราจร ไม่ค่อยมี ฯลฯ แต่ความเสี่ยงของการขับรถในช่วงเวลานี้นั่นคือเรื่องอาการง่วงและท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นหลับใน ด้วยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนหลังจากทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ มาทั้งวันแล้ว การขับรถไปต่ออีกบวกกับความมืดของถนนที่ไม่มีสิ่งไหนมาสะดุดสายตาโอกาสจะเคลิ้มแล้วหลับมีสูงทีเดียว
6.ไม่เปิดเพลงฟัง หรือ เปิดเพลงช้า ๆ ไม่กระตุ้นอารมณ์
ตรงนี้อาจเป็นความชอบส่วนตัวแต่ถ้าไม่เปิดเพลงฟังเลยแล้วขับรถไปคนเดียวเงียบ ๆ สักพักความง่วงจะเริ่มเข้ามาเกาะกุมสายตาจนอาจเผลอหลับไปได้หรือบางคนชอบฟังเพลงช้า ๆ แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ ชักเคลิ้มเริ่มมีอาการหาวและง่วงให้เห็นแบบนี้ก็มีสิทธิ์หลับในได้เช่นกัน แนะนำว่าควรหาเพลงจังหวะมัน ๆ หรือถ้าขับกลางคืนก็ฟังเรื่องผีไปเลย รับรองตื่นตัวแน่ ๆ คราวนี้ไม่ต้องกลัวจะหลับของแท้
7.ทานอาหารมากเกินไปก่อนขับรถ
คงเคยได้ยินคำว่า “หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” กันอยู่แล้ว คำ ๆ นี้มันใช้ได้ดีทีเดียวเพราะคนเราเวลาทานอะไรอิ่มมาก ๆ จะเริ่มรู้สึกง่วง รู้สึกเพลีย อยากนอน ดังนั้นคนที่ทานอิ่ม ๆ แล้วมาขับรถต่อโอกาสจะขับไปสักพักแล้วง่วงมีสูงมาก แนะนำว่าถ้ารู้ตนเองต้องขับรถให้ทานแต่พอดี ไม่ต้องอิ่มมากจะช่วยไม่ให้เกิดอาการง่วงและหลับในระหว่างขับรถได้ หรือเน้นดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ปวดปัสสาวะแถมอิ่มท้องไม่มากเกินไปด้วย
8.ทางตรงยาว ๆ เกิดอาการหาวบ่อยครั้ง
เคยสังเกตหรือไม่ว่าถนนเส้นไหนที่มีทางตรงยาว ๆ มักมี ป้ายจราจร แจ้งเตือนทำนองว่า “ทางตรงยาว ระวังหลับใน” อะไรทำนองนี้ ซึ่งมันก็คือเรื่องจริงเพราะการขับรถทางตรงยาว ๆ แล้วทำให้รู้สึกเพลินระหว่าขับขี่ ไม่ต้องมาใช้สายตาสังเกตอะไรมากมาย เป็นอีกปัจจัยที่มีโอกาสทำให้หลับในได้สูงทีเดียว
เมื่อรู้ถึงเหตุผลดังที่ ร้านไทยจราจร บอกมาทั้งหมดแล้วหากไม่อยากเจออุบัติเหตุแบบคาดฝันเพราะการหลับในของตนเอง ก็ต้องรู้จักปรับวิธีให้เหมาะสม เตรียมพร้อมก่อนการขับรถทุกครั้งเสมอ
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found