จากปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทุก ๆ ปีในกรุงเทพ และมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลานานขึ้น สิ่งที่ตามมาคือผลกระทบต่อสุขภาพ คนที่สูดอากาศที่เป็นพิษเข้าไปมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด ภูมิแพ้ และที่มาของโรคต่าง ๆ ส่วนหนึ่งของสาเหตุนี้เกิดขึ้นจากการก่อสร้างเนื่องจากกรุงเทพเป็นเมืองเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเมือง การก่อสร้างตึกสูง เส้นทางรถไฟฟ้าและถนนจึงมีค่อนข้างมาก ทำให้เกิดฝุ่น และอีกหนึ่งสาเหตุที่เรียกว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 คือ การใช้รถยนต์บนท้องถนน
ที่สังเกตเห็นว่ามลภาวะที่เกิดจากรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของควันและรถติด ทำให้หลายหน่วยงานมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการลดจำนวนการใช้รถยนต์ แต่ดูเหมือนหลาย ๆ นโยบายที่หลายหน่วยงานกล่าวมามีความเป็นไปได้น้อย เพราะแม้แต่เรื่องง่าย ๆ เพียงทำตามข้อกำหนดตาม ป้ายจราจร หลายคนก็เลือกที่จะนิ่งเฉย โดยในวันนี้ ร้านไทยจราจร จึงอยากจะนำตัวอย่าง 10 นโยบายที่น่าสนใจมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
1.รณรงค์การใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า
เป็นรูปแบบการประหยัดพลังงานที่ถือว่าดีมาก รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจะเป็นรถยนต์ที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ ซึ่งเราก็เห็นรถยนต์หลายค่ายที่ทำรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าออกมา แต่หากเทียบกับความเป็นจริงแล้วนโยบายข้อนี้ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เนื่องจากความพร้อมที่ต้องรองรับการใช้งานรถประเภทนี้ โดยเฉพาะสถานีบริการชาร์จแบตเตอรี่ เพราะรถประเภทนี้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า หากหลายสถานที่มีบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้าไว้ให้ก็จะมีคนใช้รถยนต์ประเภทนี้มากขึ้น ต่อมาเรื่องของราคารถยนต์ระบบนี้ค่อนข้างมีราคาสูงอยู่ในปัจจุบัน
2.การหันมาใช้รถสาธารณะ
เมืองไหนก็ตามที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดี เมืองนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องการจราจรและค่ามลพิษที่น้อยลง แต่สำหรับในประเทศไทยหรือในกรุงเทพเองยังไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าเราจะมีการขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบ ทั้งเรือ รถเมล์ และรถไฟฟ้า ให้บริการ แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และในบางพื้นที่รถสาธารณะยังเข้าไม่ถึง
3.รณรงค์ให้ใช้จักรยานแทนการใช้รถยนต์
ข้อนี้เป็นโยบายลดการใช้รถยนต์ที่ดี แต่ด้วยโครงสร้างถนนของบ้านเรา ที่ถนนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับจักรยานหรือแม้ว่าจะมีพื้นที่สำหรับเส้นทางจักยาน แต่ก็จะมีรถยนต์มาจอด หรือบางครั้งรถจักรยานยนต์ก็เข้ามาแทรก แม้ว่าบางเส้นทางจะมี แผงกั้นจราจร กั้นเอาไว้ แต่หลายคนก็ยังไม่เคารพในกฎข้อนี้
4.จำกัดช่วงเวลาการใช้รถยนต์
ประเทศจีนมีการจำกัดช่วงเวลาการเดินรถส่วนตัว โดยจะมีเวลาอนุญาตให้รถที่มีทะเบียนขึ้นต้นด้วยตัวเลขต่าง ๆ วิ่งสลับวันกันและจะมีการจำกัดเวลาเดินรถ เช่น 6.30-20.00 น. โดยมี ป้ายจราจร แจ้งบอก หากไม่ทำตามกฎก็อาจจะโดนปรับ เป็นต้น แต่หากมาพูดถึงในบ้านเราแล้ว นโยบายนี้อาจจะเป็นไปได้ยาก เพราะการทำงานและการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างกันของแต่ละอาชีพและการขนส่งสาธารณะที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำมาตรการนี้
5.ห้ามรถยนต์ดีเซลวิ่งในเมือง
เนื่องจากรถยนต์ดีเซลปล่อยมลพิษที่มีเป็นสาเหตุของการก่อโรคต่าง ๆ มากกว่ารถยนต์เบนซิน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่าสิบปี แต่หากมองกันในความเป็นจริงแล้ว นโยบายนี้มีโอกาสเป็นไปได้น้อยเนื่องจากรถสาธารณะหลายบริษัทก็ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและการเปลี่ยนรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า10 ปี เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่าย
6.เพิ่มภาษีรถเก่าที่มีอายุมากกว่าสิบปี
เป็นนโยบายที่มีความน่าสนใจและมีโอกาสลดการใช้รถยนต์บนท้องถนนได้ ซึ่งรถยนต์ในบ้านเราที่มีอายุเกินสิบปีมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ รัฐบาลจะต้องวางแผนและเตรียมรับมือกับการไม่เห็นด้วยของประชาชนเอาไว้ด้วย
7.รถที่มีควันดำห้ามขับขี่บนท้องถนน
ข้อนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด แม้ว่าบางครั้งการขับรถในบ้านเราที่หลายคนชอบฝ่าฝืนกฎ ไม่ว่าจะเห็น ป้ายจราจร ห้ามเข้า ห้ามจอด หรือจะเป็นกลับรถ แต่การห้ามรถควันดำก็เป็นเรื่องสามารถควบคุมได้ หากมีตำรวจจราจรใช้มาตรการเข้มงวด
8.จำกัดเขตปลอดรถยนต์
ในบางประเทศมีการจำกัดการใช้รถยนต์ในบางพื้นที่ของเมือง เพื่อให้พื้นที่สำหรับประชาชนได้เดินและปั่นจักรยาน ซึ่งผลปรากฎว่าอากาศในบริเวณนั้นดีขึ้น
9.จำกัดรถยนต์ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซลที่มีค่ามลพิษสูงกว่ากำหนดห้ามวิ่งในเมือง
อาจจะเป็นนโยบายที่น่าสนใจแต่ความเป็นไปได้มีน้อยมากในบ้านเรา เนื่องจากจำนวนรถมีค่อนข้างมาก การตรวจจับก็ยากตามไปด้วย
10.ทางเดียวกันไปด้วยกัน
อาจจะเป็นนโยบายที่ดี เช่น หากคนรู้จักเดินทางไปทำงานในทางเดียวกันกับเราก็สามารถขอติดรถไปด้วยได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องความสะดวกแล้วก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักเพราะจะขาดความเป็นส่วนตัว
หากมีการลดใช้จำนวนรถยนต์บนท้องถนนในเมืองใหญ่ ๆ ได้ สิ่งที่ตามมาคือ จะสามารถลดปัญหาเรื่องการจราจรลงได้มาก ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด อากาศจะดีขึ้นและคุณภาพชีวิตของคนในเมืองจะดีตามไปด้วย แต่หลายนโยบายที่กล่าวมา ร้านไทยจราจร มองว่าในบ้านเราสามารถทำได้ แต่รัฐบาลเองก็จะต้องมีความเข้มงวดและต้องเอาจริงกับนโยบายเหล่านี้ ที่สำคัญคือเรื่องของการขนส่งสาธารณะที่จะต้องมีคุณภาพ สามารถรองรับตามความต้องการของประชาชนได้ด้วย
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found
