อะไรคือข้อดีของ ไฟLED สำหรับแสดงสัญญาณไฟจราจร

ไฟLED นั้น เราจะเคยเห็นตามป้ายไฟจราจร หรือ ป้ายเตือนต่าง ๆ เป็นหลอดไส้ที่อายุการใช้งานค่อนข้างต่ำ และให้ความสว่างได้ไม่มากเท่าที่ควร หากนำมาเทียบกันกับหลอดไฟที่เป็น แบบหลอด LED ซึ่งแน่นอนว่าหลอดแบบ LED นั้น มีการใช้งานที่ยาวนานกว่าและที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้มากกว่า ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นเหตุผลให้เราควรเปลี่ยนไฟจราจรที่ยังใช้ไฟเป็นแบบหลอดไส้ มาเป็นหลอดไฟแบบ LED จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

ข้อดีที่เกิดขึ้น เมื่อเปลี่ยนมาใช้ ไฟLED สำหรับสัญญาณไฟจราจร คือ

แน่นอนว่าอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น ว่าการเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ทำให้การใช้งานสัญญาณไฟจราจรได้ยาวนานมากกว่า แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่เป็นเหตุผลให้ควรเปลี่ยนหลอดมาใช้ LED สำหรับไฟจราจร ลองมาพิจารณาถึงปัจจัยที่ว่าหากมีการปรับจากหลอดไส้ธรรมดาเป็น ไฟ LED ดังปัจจัยต่อไปนี้

1. เพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น : ภายใต้แสงอย่างต่อเนื่องผงฝุ่นและอื่น ๆ ที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยไฟจราจรเดิมอาจจะเห็นไม่ชัดจากระยะไกลแต่ หากเป็น LED จะทำให้เพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ผู้ขับขี่สามารถมองเห็น สัญญาณไฟจราจร ได้ชัดมากยิ่งขึ้น
2. ระยะเวลาในการเปิดสัญญาณไฟทำงานเร็วขึ้น : ระยะเวลาในการเปิดทำงานนั้นเร็วกว่า หลอดไฟทังสเตนหรือฮาโลเจน ทำให้ใช้งานได้เร็วขึ้นด้วย
3. ประหยัดพลังงาน : ในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่นำสัญญาณไฟมีข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดมาก หนึ่งคือการใช้พลังงานต่ำที่มีความหมายมากกับการใช้งานของไฟเกือบ 100% พลังงานกระตุ้นไฟสัญญาณจราจร นำเป็นแสงที่มองเห็น แต่หลอดไฟทังสเตนฮาโลเจนเป็นเพียง 20%
4. ความร้อนต่ำ : หลอดนีออน และหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะเกิดความร้อนสูงขณะใช้งาน ซึ่งความร้อนของหลอดไฟก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย แต่หลอด LED กลับลดโอกาสการเกิดอัคคีภัยได้น้อยมาก เพราะหลอด LED นี้จะไม่เกิดความร้อนแม้ตอนเปิดใช้งานอยู่ก็ตาม
5. อายุการใช้งานยาวนาน : นี่ถือได้ว่าคุณสมบัติเด่นของหลอดไฟ LED เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยหลอด LED นี้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟทั่วๆไป เฉลี่ย15,000 ชั่วโมง หรือคิดง่าย ๆ ว่าหากคุณเปิดไฟ LED ติดต่อกัน 2.5 ชั่วโมงต่อวัน จะสามารถใช้งานหลอดไฟประเภทนี้ได้นานถึง 15 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนหลอดใหม่ เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน