อย่าทำ 5 สิ่งนี้ ถ้าจะเป็น จป. ที่ประสบความสำเร็จ

จป. เป็นอาชีพสุจริตที่ทรงเกียรติและมีความสำคัญในโรงงานหรืออุตสาหกรรมทุกประเภท จึงเป็นดั่งเฟืองชนิดหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับเอกชนและมหภาค
การทำหน้าที่ด้วยความสมบูรณ์ใส่ใจอย่างที่สุดของ จป. โดยอยู่บนพื้นฐานภาระงานตามที่กฎหมายกำหนด เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมต่อการผลิตสินค้าต่าง ๆ อย่างมีคุณภาพ โดยมีสถิติของอุบัติเหตุ ความเจ็บป่วย หรือเหตุการณ์ไม่ถึงประสงค์น้อยที่สุด

ร้านไทยจราจร จึงได้รวบรวม 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จในอาชีพ จป. เพื่อการสำรวจตนเอง และพัฒนางานให้เจริญยิ่งขึ้นไป กล่าวคือ

1. ทำงานนั่งโต๊ะเกินครึ่งหนึ่งของเวลาการทำงาน
งาน จป. เป็นงานที่ต้องสำรวจความเรียบร้อย และค้นหาปัญหาต่าง ๆ จาก “หน้างานจริง” ก่อนจะมาทำแผนปรับมาตรการ หรือทำเป็นตารางข้อมูลในโรงงาน ที่ปรากฏในป้ายสถิติความปลอดภัย
จป. จึงต้องหมั่นสำรวจตรวจตรา และกระตุ้นเตือนให้เจ้าหน้าที่ได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัยทุกครั้งเมื่อทำงาน เช่น การทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า การเชื่อมโลหะซึ่งจะเกิดประกายแสงเป็นอันตรายต่อดวงตา การทำงานเกี่ยวกับสารเคมีกรดด่างฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ ที่อาจกระเด็นใส่ (ควรสวมหมวก-แว่นตา-ถุงมือนิรภัย และชุดเอี๊ยมกันน้ำ ) และสวมเสื้อชูชีพ เพื่อป้องกันการตกลงในบ่อน้ำ เช่น บ่อเกรอะ บ่อบัดน้ำเสีย เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ จป. จึงไม่ควรทำงานนั่งโต๊ะเขียนเอกสารมากกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาทำงาน ทั้งยังต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอแม้จะประสบปัญหาใด ๆ ว่าเป้าหมายของการทำงาน จป. คือ ต้องให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้รับความปลอดภัยสูงสุดในการทำงาน

2. การไม่เรียนรู้ศาสตร์เชิงลึกของอุตสาหกรรมนั้น ๆ
การไม่เรียนรู้ศาสตร์เชิงลึกที่เกี่ยวกับงานทางอุตสาหกรรมที่ทำ จะทำให้ จป. ขาดความเข้าใจในขั้นตอนการผลิต และไม่สามารถหา “จุดรั่ว” ที่ควรป้องกันไม่ให้ประมาทได้ แม้ในมุมมองของบางคนอาจคิดว่าเป็นการ “จับผิด” แต่แท้จริงแล้ว การ “ใส่ใจในรายละเอียด” ของ จป. เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้สามารถวางแผนต่อยอดและสร้างมาตรการมารองรับด้านความปลอดภัยให้แก่ลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ของโรงงานได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
เช่น จป. ในโรงงานผลิตยา ควรเรียนรู้ตั้งแต่ การเลือกวัตถุดิบ ตัวยา สารเคมี ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ผ่านการทดสอบคุณภาพ เมื่อนำมาผลิต ต้องรู้ว่าแต่ละสูตรตำรับมีความเป็นมาอย่างไร สารหรือวัตถุดิบแต่ละอย่างทำหน้าที่อะไรในตำรับ เช่น สร้างความหนืดให้จับตัวเป็นเม็ดได้ สร้างความคงตัวต่อกรดในกระเพาะเพื่อให้ไปออกฤทธิ์ที่ลำไส้ เป็นต้น
ทั้งนี้ สารแต่ละชนิด มีคุณสมบัติทางเคมี การดูดความชื้น การไวต่อแสงที่ต่างกัน ควรมีพื้นที่จัดเก็บเฉพาะอย่างไร ในการควบคุมทั้งแสง-อุณหภูมิ ป้องกันการระเบิดสำหรับวัตถุติดไฟระเบิดง่าย และควรมีจุดสังเกต ป้ายตั้งถังดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิงในระยะใกล้กัน เพื่อหยิบใช้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อลดความรุนแรงหากเกิดการติดไฟหรือมีเหตุระเบิด

3. การปล่อยให้ของตาย หรือ EXPIRE
อุปกรณ์ความปลอดภัยมีอายุการใช้งาน ไม่ว่าจะเข็มขัดพยุงหลังสำหรับพนักงานยกของ เปลสนาม แว่นตา-หมวก-ถุงมือนิรภัย จึงไม่ควรปล่อยให้หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ เพราะจะสูญเสียประสิทธิภาพในการใช้งานไป
ทั้งนี้ จป. ควรตรวจตราสภาพหลอดไฟต่าง ๆ ใน ไฟฉุกเฉิน ไฟกระพริบ ป้ายไฟทางออกทางออกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดยามเกิดเหตุร้ายแรง เช่น อัคคีภัย แก๊ส-สารเคมีระเบิด

4. การปล่อยให้ของชำรุด
จป. ต้องใส่ใจความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ไม่ปล่อยให้เกิดการชำรุด หลอดไฟติด ๆ ดับ ๆ หรือมีการแตกร้าว จนทำให้สูญเสียประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ช่วยชีวิต อย่าง ห่วงชูชีพ สำหรับโรงงานที่มีบ่อน้ำหรือแหล่งน้ำใหญ่ในบริเวณโรงงาน รวมถึง หลอดไฟใน โคมไฟถนนโซล่าเซลล์ กระจกโค้งจราจรในจุดต่าง ๆ ไซเรนมือหมุน สำหรับส่งเสียงเตือนภัย เป็นต้น

5. การไม่อัพเดตเทรนด์ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ
การติดตามเทรนด์ หรือสถานการณ์ของโลก รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาองค์ความรู้ และทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา หรือป้องกันอุบัติภัยในโรงงานได้
เช่น จป. ในโรงงานผลิตเครื่องกำจัดไรฝุ่น ควรรู้ว่าสถานการณ์โรคภูมิแพ้ไรฝุ่น ตอนนี้เป็นอย่างไร? คนนิยมใช้วิธีใดกำจัดไรฝุ่น เทคโนโลยีที่ใช้มีพัฒนาการอย่างไรจนถึงล่าสุด และเครื่องกำจัดไรฝุ่นที่กำลังผลิตอยู่ใช้เทคโนโลยีอะไร มีขั้นตอนหรือกลไกการทำงานอย่างไร เช่น เป็นการฉายแสงยูวี การใช้พลังการดูดสุญญากาศดูดสิ่งสกปรกออกจากใยผ้า การใช้พลังกำจัดคราบสกปรกฝังแน่น เป็นต้น
หรือ จป. ในโรงงานผลิตภัณฑ์สินค้าออร์แกนิค ก็ควรทราบว่ามาตรฐานโลกล่าสุดมีข้อกำหนดไว้อย่างไร เช่น แหล่งเพาะปลูกพืชออร์แกนิคต้องผ่านการทดสอบการเคมีอย่างน้อย 3 ปี ด้วยวิธีอะไรบ้าง เพราะปัจจุบันเทรนด์สินค้าออร์แกนิคมาแรง จำเป็นต้องแข่งขันที่คุณภาพสินค้า การรักษามาตรฐานในการผลิตที่อัพเดตใหม่อย่างเคร่งครัด จะทำให้ลูกค้ามั่นใจ เพิ่มความนิยมและทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้
ทั้งนี้ งานเกี่ยวกับสินค้าทางสุขภาพ มักต้องมีการรังสีชนิดต่าง ๆ จึงควรมีแผนผังการใช้ห้องฉายรังสีที่เหมาะสม ควบคุมสภาพความสะอาดและความปลอดภัยตามมาตรฐาน มีไฟไซเรน หรือ ไฟหมุน สว่างเมื่อเวลาที่มีการเปิดใช้เครื่องรังสี เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ที่ไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกัน
จะเห็นได้ว่า 5 สิ่งที่กล่าวมา เป็นพื้นฐานสำคัญของ จป. ที่จะทำให้สามารถแก้ไขจุดบกพร่องของงานที่รับผิดชอบและต่อยอดให้ดีขึ้นได้
ร้านไทยจราจรขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ผู้ทำงาน จป. ได้มีพลังในการทำงานคุณภาพด้วยความมุ่งมั่นและประสบผลสำเร็จในการงานทุกคน หากท่านสนใจสินค้าคุณภาพด้านความปลอดภัยภายในและรอบโรงงาน เชิญชมได้ที่ www.trafficthai.com

Block "content-bottom" not found