ช่วงเทศกาล คือ ช่วงเวลาแห่งความสุขที่หลายคนรอคอย เพราะเป็นช่วงหยุดยาวต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ที่ได้พักผ่อนจากการทำงานและการเรียนที่หนักหนาแบบยาว ๆ แล้ว หลายคนยังใช้ช่วงเวลาพิเศษนี้ในการหาความสุข ไม่ว่าจะเป็น ออกไปกินเลี้ยงสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูง เดินทางท่องเที่ยวในต่างจังหวัด หรือ กลับไปเยี่ยมคนครอบครัวที่ภูมิลำเนาเดิม ซึ่งพาหนะที่นิยมใช้ในเดินทาง คือ ‘รถยนต์’ ทำให้ท้องถนนในช่วงเทศกาลมีความแออัดมากกว่าช่วงเวลาอื่นเป็นพิเศษ
จากเหตุข้างต้นที่กล่าวมานั้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่าช่วงเวลาปกติ ดังนั้นหากต้องเดินทางด้วยรถยนต์ในช่วงเทศกาล จึงควรใช้ความระมัดระวังในการใช้ถนนเพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง เพื่อนร่วมทาง และคนเดินเท้าด้วย เพราะอุบัติเหตุคือสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาล่วงหน้าได้ ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่อย่างไรก็สามารถเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่จะด้วยวิธีไหนนั้น วันนี้ ร้านไทยจราจร มี 8 เทคนิคขับขี่ปลอดภัย ให้คุณนำไปใช้เป็นแนวทางในการเดินทางในช่วงเทศกาลหยุดยาวที่กำลังมาถึง เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคุณและผู้อื่น
1.เตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
สำหรับการดูแลรักษารถยนต์นั้นไม่ควรทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น ควรตรวจสอบพาหนะที่จะใช้งานตลอดเวลา แต่หากต้องใช้รถยนต์ในช่วงเทศกาล ก็ต้องตรวจสอบความพร้อมก่อนออกการเดินทางให้ละเอียด โดยเฉพาะจุดสำคัญ เช่น
- ลมยาง
- ถุงลมนิรภัย
- เข็มขัดนิรภัย
- น้ำมันเครื่อง
- ผ้าเบรก
- แบตเตอรี่
- ระบบหล่อเย็น
- ระบบไฟส่องสว่าง หรือ ใบปัดน้ำฝน
แต่หากคุณไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ควรนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ได้มาตรฐานเพื่อจัดการตรวจสอบแทน และหากพบว่ามีส่วนใดหรือระบบใดของรถยนต์ไม่พร้อมใช้งาน ก็ต้องแก้ไขซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนนำรถออกใช้งาน
2.ศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง
ก่อนออกเดินทางควรศึกษาเส้นทางและศึกษาสภาพแวดล้อมของเส้นทาง เพื่อวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้คุณทราบตำแหน่งของปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร จุดพักรถ และสภาพของถนน และถึงแม้ว่าสมัยนี้จะแอปพลิเคชันแผนที่ในโทรศัพท์มือถือ แต่อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์มีความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต ความผิดพลาดของระบบแผนที่ หรือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด โทรศัพท์เสีย เป็นต้น
3.เตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
เพื่อช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องสุขภาพและความพร้อมของคนขับ ผู้ที่มีอาการเหล่านี้จึงไม่ควรขับรถเอง ได้แก่ ผู้มีภาวะโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคหัวใจ รวมถึงผู้ที่กำลังไม่สบาย เพราะยารักษาโรคบางตัวอาจทำให้รู้สึกง่วงนอน ทำให้สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และสำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขับขี่พาหนะ
นอกจากนี้ ยังควรเตรียมอุปกรณ์สำรองต่าง ๆ ไว้ในรถด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชุดอุปกรณ์ซ่อมรถฉุกเฉิน ชุดปฐมพยาบาล หรือ กระบองไฟกระพริบ ที่ช่วยให้คุณขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทางได้ในยามฉุกเฉิน เช่น รถเสีย รถยางแตก หรือความร้อนขึ้น เป็นต้น
4.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งก่อนเดินทาง
เมื่อก้าวขึ้นรถยนต์สิ่งที่ควรทำให้เป็นนิสัย คือ การคาดเข็มขัดนิรภัยให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ซึ่งไม่ได้หมายความเฉพาะแค่เพียงคนขับเท่านั้น แต่หมายรวมถึงผู้โดยสารทุกคนด้วย เพราะการคาดเข็มขัดนิรภัยจะช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุทำให้ไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
5.เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ทุกคันบนท้องถนนควรเคารพกฎการจราจรอย่างเคร่งครัด ดังนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ควรศึกษากฏจราจรและเรียนรู้ป้ายและเครื่องหมายจราจรให้เข้าใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าป้ายจราจรสมัยนี้ มีการทำมาเพื่อให้สังเกตและแก้จุดบกพร่องในการใช้งานหลายข้อ เช่น ป้ายเตือนหัวเกาะกระพริบ พลังงานแสงอาทิตย์ ป้ายไฟจราจรที่กระพริบได้โดยไม่อาศัยไฟฟ้า ทำให้ติดตั้งได้ในทุกพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง แต่อย่างไรก็ผู้ขับขี่กฎจราจรที่ควรทำเป็นข้อแรก ๆ คือ
การไม่ขับรถเร็วหรือขับรถหวาดเสียวน่ากลัว เพราะการขับรถเร็วหรือขับรถฉวัดเฉวียนไปมา เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งต่อตัวเองและเพื่อนรวมทาง
6.รักษาระยะห่างจากคันหน้าให้เหมาะสม
เป็นเรื่องปกติที่ปริมาณรถบนท้องถนนในช่วงเทศกาลจะมากกว่าปกติ เนื่องจากมีการออกต่างจังหวัดจำนวนมาก จึงทำให้เห็นอุบัติเหตุชนท้ายให้เห็นเป็นประจำ ซึ่งมาจาก 2 สาเหตุ คือ ขับรถประชิดรถคันหน้ามากเกินไป และ เบรกไม่ทันเวลา ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ควรเว้นระยะให้เหมาะสมที่สามารถเบรกรถได้ทัน
หากในกรณีที่ทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวยอย่างเช่น ฝนตกหนัก ถนนเปียก น้ำท่วมขัง ไม่มีไฟทาง ก็ควรเพิ่มระยะห่างเป็นสองเท่า และใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น ที่สำคัญให้หมั่นสังเกต ป้ายจำกัดความเร็ว พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะบอกความเร็วที่เหมาะสมในถนนนั้น ๆ ตามช่วงเวลา เช่น ช่วงเข้าโค้ง หรือช่วงที่ฝนตก เป็นต้น
7.พักผ่อนเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย
สำหรับการขับรถระยะไกลอาจทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกอ่อนเพลียหรือง่วงนอน เมื่อมีอาการดังกล่าวควรแวะพักรถในสถานที่ปลอดภัยอย่าง เช่น จุดพักรถที่หน่วยงานราชการเตรียมพร้อมไว้ในช่วงเทศกาล หรือ ปั้มน้ำมันที่มีแสงสว่างและร้านสะดวกซื้อ เพื่อพักเอาแรงและล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ป้องกันการหลับใน เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางต่อไป แต่ในการพักผ่อนควรระวัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น รถหาย หรือ ถูกงัดรถ
เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่ควรมีอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรม คือ ที่ล็อคพวงมาลัยพร้อมสัญญาณกันขโมย เพื่อล็อกรถในกรณีที่ออกจากรถไปทำภารกิจต่าง ๆ และต้องทิ้งรถไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
8.มีสติอยู่เสมอ
ในระหว่างขับรถยนต์ผู้ขับขี่ควรมีสติตื่นตัวและมีความระมัดอยู่ตลอดเวลา และตระหนักไว้เสมอว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยมีสาเหตุทั้งจากความประมาทของตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงควรมีสติอยู่เสมอ และหากเกิดอุบัติเหตุควรตั้งสติอย่างรวดเร็วเพื่อประคองรถให้ได้รับอันตรายน้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้โดยสารในรถ อย่างไรก็ตามไม่ควรขับรถในขณะมึนเมา เพราะการเมาแล้วขับ คือ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 8 เทคนิคดี ๆ ในการขับขี่ปลอดภัยในทุกช่วงเทศกาลที่ ร้านไทยจราจร นำมาฝากกัน หากปฏิบัติได้ตามนี้ รับรองว่าขับขี่ปลอดภัยถึงที่หมายไร้กังวล และท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานในช่วงเทศกาลหยุดยาวอย่างแน่นอน
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found