ทำอย่างไร!? หากจับได้ว่า พนักงานกำลัง “โกง” คุณอยู่!!

           เรื่องความสุจริตเป็นสิ่งที่พนักงานทุก ๆ คน ทุก ๆ ตำแหน่งจำเป็นต้องมี เมื่อใดก็ตามที่ขาดความสุจริตเห็นผิดเป็นชอบก็ป่วยการณ์ที่จะต้องมาใส่ใจ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าหากเราเจอสถานการณ์ดังกล่าวจริง ๆ ในฐานะของการเป็นเจ้าของบริษัทหรือคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกันบางครั้งการจะลงโทษขั้นร้ายแรงทันทีก็ดูใจร้ายเกินไปหน่อย ร้านไทยจราจร จึงอยากลองนำเสนอวิธีในการจัดการเกี่ยวกับพนักงานเหล่านี้อย่างไรกันบ้าง เผื่อว่าบริษัทไหนกำลังเจอปัญหาดังกล่าวอยู่จะได้ลองเอาไปใช้กันได้

1.เรียกมาสอบถามตามความเป็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น 

      วิธีแรกเป็นพื้นฐานง่าย ๆ ของการสอบสวนข้อเท็จจริงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร เมื่อใดก็ตามที่จับผิดได้ว่าพนักงานกำลังโกงบริษัทอยู่ให้นำหลักฐานที่ตนเองมีพร้อมเรียกพนักงานคนดังกล่าวเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว สอบถามถึงสาเหตุ ที่มาที่ไป ทำไปเพื่ออะไร แล้วสิ่งที่โกงไปตอนนี้ยังอยู่หรือว่าใช้ประโยชน์ไปหมดแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พนักงานเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีแต่เราในฐานะของการเป็นหัวหน้าก็ไมได้อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดความอับอายไปทั่ว

2.หักเงินเดือนตามมูลค่าของสิ่งที่โดนโกง 

     สมมุติว่าสิ่งที่จับได้ว่าโกงมีมูลค่าไม่สูงนัก อาทิ นำเอา เสื้อกันฝน ของบริษัทออกไปขายต่อ กรณีนี้คงไม่จำเป็นถึงกับต้องไล่ออกเพราะบางทีพนักงานอาจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แค่หักเงินเดือนตามจำนวนมูลค่าสินค้าที่หายไปก็จัดว่าเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเกิดความเข็ดหลาบและไม่กล้าทำในสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว หรือบางคนก็อาจอายจนต้องย้ายตัวเองออกไปดีกว่า

3.หากโกงแล้วหนีหายไปให้ไปจัดการกับคนค้ำประกันก่อน 

      สังเกตว่าเวลารับเข้าทำงานหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทองหรือเรื่องสินค้าต่าง ๆ จะต้องมีผู้ค้ำประกันสินค้าให้บ่อย ๆ เนื่องจากเป็นการยืนยันความเสี่ยงว่าหากคนที่รับเข้ามาทำงานโกงกันจริง ๆ คนค้ำประกันก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ตรงนี้เองหากเกิดกรณีการโกงขึ้นมาให้เราตามไปจัดการกับคนค้ำประกันก่อนเลยเพราะยังไงก็มั่นใจได้ว่าเขาสามารถติดต่อถึงกันได้แน่นอน แถมเป็นไปตามกฎหมายไม่ได้มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น

4.ถ้าหลักฐานยังไม่ชัดพอต้องรวบรวมหลักฐานแบบคาหนังคาเขา 

      กรณีที่มีข่าวแว่วมา หรือประเภทเขาเล่าว่า เช่น ตอนนี้กำลังมีคนโกงเอา ยูโรเทป ออกไปขาย เราอาจมีการมองหาหลักฐานเงียบ ๆ เช่น ติดกล้องวงจรปิด มีการนับจำนวนสินค้าโดยไม่ต้องให้คน ๆ นั้นรู้ เมื่อมีหลักฐานชัดเจนแล้วจึงค่อยรวบรวมแล้วนำไปบอกให้รู้ตัว อย่าเพิ่งรีบไปตีโพยตีพายทั้ง ๆ ที่ตนเองยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้นอยู่ในมือเพราะมันจะกลายเป็นว่าเราไปหมิ่นประมาทเขา หรือถ้าแค่สงสัยแล้วไม่พบหลักฐานมันก็ทำอะไรไมได้เช่นกัน 

5.ลองเรียกประชุมแล้วแกล้งพูดถึงเรื่องนั้นเพื่อให้รู้สึกตัว 

     บางทีพนักงานคนที่โกงอาจเป็นคนเก่าคนแก่ที่อยู่ด้วยกันมานานมากแต่เราไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าเขาโกงเราไปทำไม หากรู้ว่าเขาโกงอาจมีการเรียกประชุมแล้วพูดเรื่องเกี่ยวกับการโกงเพื่อให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องดีและอาจหมดอนาคตเอาได้ง่าย ๆ เลยหากยังฝืนทำต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนข้างในมีระแคะระคายในเรื่องเหล่านี้กันแล้ว

6.ไล่ออกหรือเชิญออก 

       นี่อาจเป็นวิธีที่เรียกได้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ใช้กันซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงหากพบว่ามีพนักงานคนใดโกงบริษัทขึ้นมาไม่ว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ถือว่าเป็นการทำงานโดยปราศจากความน่าเชื่อถือ การไล่ออกหรือเชิญออกจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เจ้าของบริษัทบางรายถึงกับบอกว่าถึงแม้คน ๆ นั้นจะเก่งกาจมาจากไหนแต่เขาไม่มีทางเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ในบริษัทเด็ดขาด ไม่แน่ว่าวันนี้โกงเล็ก ๆ แล้วทำได้ในอนาคตอาจโกงเยอะกว่าเดิมอีกหลายเท่าใครจะไปรู้ เพื่อแก้ปัญหาแบบตรงประเด็นและเด็ดขาดที่สุด การไล่ออกหรือเชิญออกจึงเป็นวิธีที่ดูเหมือนโหดร้ายแต่มันก็จำเป็นต้องทำจริง ๆ 

7.แจ้งตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมาย 

     วิธีสุดท้ายหากพบว่าการโกงของพนักงานรุนแรงถึงขั้นทำให้บริษัทเสียหายหนักมาก เช่น โกงเอา หมุดถนน ไปติดเป็นยี่ห้อตนเอง, โกงด้วยการส่ง เสื้อชูชีพ ให้ไม่ครบแล้วบอกว่าสินค้าขาดตลาดแต่เอาสินค้าไปขายต่อให้กับบริษัทอื่น เป็นต้น เรื่องแบบนี้นอกจากการไล่ออกแล้วยังต้องมีการแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในฐานะยักยอก ฉ้อโกงด้วย เรียกว่าเอาให้หักกันไปข้างหนึ่งเลยถ้ากล้ามาทำลายบริษัทกันถึงขนาดนี้ และเชื่อว่าการดำเนินคดีจะไม่จบง่าย ๆ แน่หากว่าเจ้าทุกข์ไม่ยอมความ 

     อย่างที่กล่าวไปว่าการโกงหรือการทุจริตไม่ใช่เรื่องดีในการทำงานแน่ ๆ เหมือนกับคุณกำลังทุบหม้อข้าวที่ทำให้เราอิ่มท้องจนกำลังจะแตก และถ้าเจ้าของบริษัทคนไหนพบเห็นลูกน้องโกงตนเองอยู่ ลองเอาวิธีที่ ร้านไทยจราจร แนะนำทั้งหมดนี้ไปใช้ดูก็ได้ ปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองเชื่อว่าจะทำให้บริษัทดำเนินงานได้อย่างปลอดโปร่ง ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องโกงให้ต้องหนักใจ