ไม่มีที่ไหนจะสุขใจเท่าที่บ้าน สำหรับใครหลายคนบ้านคงเป็นสถานที่ที่อยากกลับมาพักผ่อนยามเหนื่อยล้า เพราะบ้านนั้นทั้งอบอุ่น ปลอดภัยสำหรับเรา หลายคนชื่นชอบการอยู่บ้านและอยากให้คนในครอบครัวในอยู่ในพื้นที่บ้านและอยู่ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ จึงทุ่มเททำงานหาเงินมาและเก็บหอมรอมริบมาอย่างยากลำบากเพื่อซื้อของมาตกแต่งบ้านและต่อเติมบ้านเดิมให้น่าอยู่ หรือเลือกซื้อบ้านในทำเลดี ๆ สักหลัง
แต่ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีและสินค้าล่อตาล่อใจเข้ามาเข้ามามากขึ้นนั้น ทำให้เหล่าคนร้ายบางคนมีความต้องการในการขโมยทรัพย์สินมากเพื่อนำไปแลกเป็นเงินในการซื้อสิ่งของที่ต้องการ บ้านหลายบ้านที่ภายนอกดูดีจึงถูกเจ้าขโมยขโจรงัดแงะเพื่อเอาของมีค่าไปอยู่หลายครั้งดังที่ออกข่าว
ในช่วงที่ขโมยมักทำการโจรกรรมทรัพย์สินในครัวเรือนมากที่สุดก็คงเป็นช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้าน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ อย่างสงกรานต์และปีใหม่ที่ผู้คนมักจะทิ้งบ้านช่องไว้และกลับไปรวมตัวยังบ้านเกิดของตนเอง จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกมันจะเข้ามาลักทรัพย์ในบ้านได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะมีใครมาเห็น
หลายคนจึงมองหาวิธีที่จะป้องกันโจรผู้ร้ายที่จะเข้ามาในอาณาเขตบ้านอันแสนสงบสุขของตนเอง ทางร้านไทยจราจรเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของผู้ทุกท่าน เพราะลำพังเพียงแค่ทรัพย์สินสูญหายนั้น สำหรับบางคนก็ถือว่าเป็นเรื่องแย่มาก ๆ แล้ว แต่โจรบางคนก็มีพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวผู้ใดที่นอกจากจะเข้ามาปล้นชิงเงินทองของมีค่าแล้ว
ในบางครั้งก็อาจเข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านให้ได้รับบาดเจ็บไปจนถึงเสียชีวิตได้ ทางเราจึงขอเสนอ 5 อย่างที่ต้องคำนึงถึงเพื่อป้องกันโจรขึ้นบ้าน เพื่อเป็นแนวทางและแนวคิดให้คุณผู้อ่านได้นำไปปฏิบัติใช้กัน ดังนี้
1.รู้กลวิธีของโจร
จากการค้นหาข่าวต่าง ๆ ตามเว็บไซต์ เพื่อดูว่าพวกมันสามารถเข้าถึงทรัพย์สินในบ้านได้ด้วยวิธีใดบ้าง ในบ้างครั้งพวกมันไม่เพียงแค่งัดแงะประตูและรั้วบ้านเข้ามาเท่านั้น แต่พวกมันยังมีกลโกงและวิธีเลือกเป้าหมายที่แนบเนียนจนเราคาดไม่ถึง เช่น
- การปืนขึ้นทางช่องเพดาน
- การหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นบ้าน
- การสร้างเหตุการณ์ร้ายบริเวณบ้านเพื่อล่อให้เจ้าของออกไปดู หรือแม้แต่กระทั่งแอบเข้าบ้านเมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูรั้วเพื่อขับรถเข้าไปจอด เป็นต้น
หากเรารู้กลโกงของมัน เราก็จะรู้วิธีการป้องกันและระแวดระวังตัวมากขึ้นไม่หลงกลอุบายของมันได้ง่าย ๆ
2.อุปกรณ์ป้องกันเพียงพอหรือไม่
แม้ว่าบ้านของเราจะดูปลอดภัยมีรั้วรอบขอบชิด แต่ใครจะไปรู้ว่าวันไหนที่พวกมันจะเข้ามาในบ้านของคุณ สิ่งที่คุณทำได้คือหาอุปกรณ์ที่ช่วยในการจับคนร้ายมาติดตั้ง อย่างเช่น
- ไฟฉาย สปอตไลท์
- สัญญาณกันขโมย หรือสำหรับรถยนต์
- ที่ล็อคพวงมาลัยพร้อมสัญญาณกันขโมย
- ที่ล็อคล้อ
- กล้องวงจรปิด เป็นต้น
เพราะอย่างน้อย ๆ ที่สุดหากคุณโดนโจรกรรมสิ่งของไปแล้ว คุณก็ยังสามารถมีหลักฐานที่จะมาตามจับพวกมันได้
3.สำรวจตัวเราเองว่าเราเป็นคนเปิดโอกาสให้โจรเข้ามาได้ง่าย ๆ หรือไม่
หลายคนมักทำตัวให้ตกเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้าย เช่นการทำให้โจรเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียวบ่อย ๆ , ชอบเปิดประตูรั้วบ้านทิ้งไว้เพราะคิดว่าชุมชนที่อาศัยอยู่นั้นเงียบสงบและมีแต่คนรู้จักกัน นอกจากนี้บางคนยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเช่น ชอบเช็คอินในเฟซบุ๊คหรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ตลอดเวลา เช่น
- เช็คอินว่าบ้านอยู่ที่ไหน
- บอกว่ากำลังอยู่บ้านคนเดียว
- ชอบถ่ายทรัพย์สินของมีค่าโพสต์ไปบ่อย ๆ เพราะบางคนอาจเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่รู้จัก
- ตั้งค่าโปรไฟล์ไว้เป็นสาธารณะ เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่าใครที่เห็นข้อมูลเหล่านั้นบ้าง หลายครั้งมิจฉาชีพอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ตามเข้ามาถึงบ้านของคุณก็ได้
4.สังเกตลักษณะการออกแบบบ้านของเรา
ว่าถูกออกแบบมาให้สังเกตทรัพย์สินภายในบ้านง่ายหรือเปล่า เช่นเป็นกระจกใสโล่ง ๆ ไม่มีเหล็กดัด ไม่ติดผ้าม่าน ทั้งยังต้องดูความแข็งแรงของกลอนประตูและรั้วบ้านให้ดี หากพบสิ่งที่เป็นช่องโหว่ให้โจรผู้ร้ายเลือกเราเป็นเป้าหมายก็ให้รีบหาทางแก้ไขโดยด่วน อย่ารอจนถึงเวลาเกิดเหตุก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไข
5.คุณประมาทเกินไปหรือเปล่า
หลายคนตกเป็นเหยื่อของโจรผู้ร้ายเพราะความประมาท เช่น ไม่ดูแลบ้านให้ดี ไม่ทำระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านเพราะคิดว่าสิ้นเปลือง และหวังพึ่งผู้อื่นอย่างเช่นเพื่อนบ้านที่สนิทกันหรือยามประจำหมู่บ้านให้เป็นหูเป็นตาให้ ถ้าหากคุณกำลังเป็นคนแบบนี้ขอให้คุณตระหนักไว้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น อย่าไว้ใจใครมากจนเกินไปและอย่าหวังว่าจะให้คนอื่นช่วยเหลือเป็นหูเป็นตาให้ได้ตลอดเวลา
เพราะเมื่อคุณเองยังไม่ดูแลสิ่งของของคุณ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาคุณเองก็ไม่สามารถโทษใครได้ว่าไม่ช่วยกันดูแล เพราะบ้านของเราก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นต้องมาร่วมรับผิดชอบไปด้วย ดีไม่ดีการที่เราไว้ใช้ผู้อื่นให้มาสอดส่ายบ้านเรานั้น
คนเหล่านั้นอาจจะเป็นคนที่เข้ามาลักขโมยของในบ้านของคุณก็ได้เพราะจิตใจของคนนั้นยากแท้หยั่งถึง คุณควรเตรียมอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือไว้เสมอ เช่น โทรศัพท์สำหรับแจ้งตำรวจ และ ไซเรนมือหมุน เพื่อส่งเสียงดังเตือนภัยให้โจรตกใจหนีไปก่อนบุกรุกเข้าบ้าน
การป้องกันโจรผู้ร้ายเข้ามาไม่ใช่การหวังพึ่งตำรวจหรือผู้รักษาความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ร้านไทยจราจรหวังว่าคุณผู้อ่านจะมีแนวทางเบื้องต้นในการนำสิ่งที่ได้อ่านไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับเคหะสถานบ้านเรือนของท่านให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นได้
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found