มันต้องแบบนี้สิ ! 8 เมืองทั่วโลกการันตี ระบบขนส่งสาธารณะดีเวอร์!

       สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งของพวกเขามาจากระบบขนส่งอันแสนทันสมัย สะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องของการจราจรอันแสนติดขัด ทำให้ผู้คนเวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็ตรงเวลา กำหนดเวลาของตนเองได้อย่างชัดเจน ต่างกับประเทศไทยเราที่การขนส่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นระบบรถโดยสารที่ต้องเจอทั้งปัญหารถติดสะสมของ สัญญาณไฟจราจร บ้าง, รถติดจากการตั้งด่านตรวจพร้อม ป้ายไฟหยุดตรวจ และอีกสารพัดปัญหาที่แสนน่าเบื่อ

     แม้มีระบบขนส่งแบบรางแต่ก็ต้องยอมรับว่ายังห่างไกลกับประเทศพัฒนาแล้วหลายเท่า ร้านไทยจราจร จึงขอพูดถึง 8 เมืองทั่วโลกที่การันตีว่าระบบขนส่งสาธารณะดีเวอร์จนต้องแอบอิจฉา

1.กรุงลอนดอน

      ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นกันด้วยประเทศในยุโรปที่พัฒนาไปไกลมาก ๆ ซึ่งลอนดอนก็คือเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ ที่นี่จะมีระบบโดยสารหลักคือ รถไฟใต้ดิน หรือคนอังกฤษเรียก Tube ถือว่าเป็นระบบขนส่งระดับโลกเปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1863 ได้รับการยกให้เป็นระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีความเก่าแก่สุดในโลก การจัดการขนส่งในกรุงลอนดอนต้องบอกว่าเรียบร้อยมาก อย่างรถประจำทางสีแดงที่เราคุ้นชินตาก็คืออีกการเดินทางทั้งเมืองจะแบ่งเป็น 9 ส่วน ทำให้การเดินทางง่าย ผู้โดยสารทุกคนเข้าใจ

2.โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

      เมืองที่คนไทยคุ้นเคยดีว่าออกแบบระบบขนส่งสาธารณะได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เน้นความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับผู้คนมากที่สุด แม้เรื่องค่าโดยสารต้องยอมรับว่าระบบรางบางสายแพงมากแต่คนญี่ปุ่นก็ยินดีจ่าย เพราะที่นี่หากระบบรางผิดเวลาแค่นาทีเดียวคือความผิดพลาดขั้นมหันต์ การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องความตรงเวลาสุด ๆ ใครมาช้าแม้แต่วินาทีเดียวคือ “ตกรถ”

3.กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

   เมืองหลวงของประเทศที่มีระยะทางของรถไฟฟ้าใต้ดินยาวถึง 214 กม. พร้อมจำนวนสถานทีถึง 303 สถานี นั่นแสดงให้เห็นว่าการคมนาคมด้วยระบบขนส่งสาธารณะของกรุงปารีสเป็นการบริการที่สะดวกสบายสุด ๆ อย่างปารีสเมโทรคือหนึ่งในสถานีรถไฟที่มีผู้คนขวักไขว่มากสุดของยุโรปในแต่ละวัน แต่นอกจากรถไฟแล้วก็ยังมีรถประจำทางหรือรถแท็กซี่ให้บริการเช่นกัน เมืองนี้นับเป็นเมืองท่องเที่ยว สัญญาณไฟจราจร ทุกแยกจึงทำงานอย่างเหมาะสม 

4.กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี 

       อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงในยุโรป เมืองนี้จัดว่ามีระบบการขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองมาก ๆ เอาง่าย ๆ ว่าต่อให้คุณไม่มีรถขับในเบอร์ลินแต่สามารถเดินทางไปได้ทั่วเมืองจากระบบรางขนส่งสาธารณะเลย แต่ละวันจะมีผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เมืองนี้มากถึง 1.5 ล้านคน ยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน ความเร็วของตัวรถไฟช่วยให้วิ่งไปถึงจุดหมายไม่เกิน 15 นาที จัดว่าเร็วสุด ๆ ไปเลย ไม่แปลกหากเมืองนี้จะได้รับการยกให้เป็นเมืองต้นแบบของระบบขนส่งสาธารณะเบอร์ต้น ๆ ของโลกเรา 

5.มหานครนิวยอร์ก สหรัฐฯ 

      แม้เมืองนี้จะได้ชื่อว่ามีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก เป็นเพียงไม่กี่เมืองในสหรัฐฯ ที่แม้เราอาจมองว่ารถก็ติดไม่ต่างกัน ทว่าจริง ๆ แล้วผู้คนที่นี่ไม่ได้ครอบครองรถเป็นของตนเองเกินครึ่งเลย ดังนั้นถ้ามองในจำนวนประชากรของพวกเขากับระบบการขนส่งสาธารณะต้องบอกว่าดีมาก ๆ รถไฟใต้ดินของนิวยอร์กถือว่าเป็นระบบขนส่งสาธารณะแบบเร็วสูงขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เปิดให้บริการตลอดเวลา สะดวกสบาย ไม่ต้องหงุดหงิดกับการนั่งนับตัวเลขจาก เครื่องนับถอยหลังไฟจราจร แบบบ้านเรา

6.กรุงโซล เกาหลีใต้ 

       อีกเมืองของเอเชียที่มีการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยคนที่เข้ามาอาศัยในเมืองนี้เยอะมาก การขนส่งของพวกเขาจึงต้องทำออกมาให้ดีที่สุดรองรับปริมาณการใช้งานมหาศาลในแต่ละวัน ระบบขนส่งของเมืองมีให้เลือกหลายประเภท เช่น รถแท็กซี่ รถบัส รวมถึงระบบราง โดยได้รับการยกให้เป็นเมืองที่มีการขนส่งระบบรางยาวที่สุดในโลกกับระยะทาง 508 กม. มีเส้นทางหลัก 12 เส้นทาง จัดว่าดีเวอร์จริง ๆ 

7.กรุงมาดริด ประเทศสเปน 

       อาจไม่ใช่เมืองที่ประชากรอาศัยอยู่เยอะเป็นลำดับต้น ๆ ของโลกแต่ก็ถือว่ามากพอตัวกับคน 6 ล้านกว่าคนต้องแออัดยัดเยียดขนาดนั้น ระบบขนส่งสาธารณะจึงเป็นอีกตัวเลือกที่คนในกรุงมาดริดใช้งาน แถมอีกจุดเด่นของที่นี่คือมีค่าเดินทางแสนถูกมาก ๆ หากเทียบกับเมืองดังของยุโรปหลาย ๆ เมือง การเดินทางจึงสะดวกสบาย ไม่ต้องมานนั่งเบื่อกับปัญหารถติดจนเสียอารมณ์

8.เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

      จีนยุคใหม่อะไรก็ดูดีไปหมด ที่เซี่ยงไฮ้คือพื้นที่ตั้งของระบบขนส่งด่วนที่ดีที่สุด เปิดให้บริการถึง 15 สาย เป็นระบบรางที่ทางเมืองได้ออกแบบมาอย่างดี ประกอบกับเมืองจีนเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะมากทำให้รถสายในเมืองเซี่ยงไฮ้ต้องรองรับถึง 9 ล้านคน วันไหนคนเยอะมากก็ระดับ 12 ล้านคนกันไปเลย

      ทั้ง 8 เมืองที่ ร้านไทยจราจร ได้พูดถึงนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าบ้านเขามีระบบขนส่งสาธารณะคุณภาพดีอันเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเขากลายเป็นประเทศพัฒนา หากเราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้เชื่อว่าสักครั้งเราอาจได้เห็นระบบขนส่งสาธารณะดี ๆ ในบ้านเราเช่นกัน