การทำงานไม่ว่าตำแหน่งไหนในคลังสินค้าถือว่ามีความเสี่ยงพอ ๆ กัน ด้วยวัตถุประสงค์หลักของสถานที่แห่งนี้คือเก็บสิ่งของต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ทุก ๆ คนควรมีติดตัวเอาไว้นั่นอุปกรณ์ป้องกัน โดยคลังสินค้าแต่ละประเภทก็จะมีอุปกรณ์ป้องกันเพื่อความเหมาะสมต่างกันออกไป บทความนี้ ร้านไทยจราจร ขอแนะนำ 10 อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่ควรมีในคลังสินค้าติดตัวเอาไว้ จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับการทำงานมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
1.เข็มขัดพยุงหลัง
ถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันภัยพื้นฐานแบบส่วนบุคคลมาก ๆ ที่ทุกคลังสินค้าควรมี ด้วยหน้าที่หลัก ๆ ของคนทำงานคลังสินค้าคือการยก ดึง ลาก แบก สิ่งของหนัก ๆ หากไม่มีเข็มขัดตัวนี้ช่วยป้องกันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม, กระดูกผิดรูป และลามไปยังอนาคตถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เอาได้ง่าย ๆ เรียกว่าใส่ป้องกันเอาไว้ก่อนปลอดภัยที่สุด อย่าลืมต้องปรับให้กระชับเข้ากับร่างกายของตนเองด้วย
2.ไฟฉาย LED
อุปกรณ์ต่อมาสำหรับคลังสินค้าที่มืด ๆ หรือแสงสว่างส่องไม่เพียงพอการมีไฟฉาย LED จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยขึ้นได้ เวลาเราเดินไปในบริเวณพื้นที่มืด ๆ แล้วเอาไฟฉายส่องเข้าไปก่อน หากมีสัตว์ร้ายหรือมีสิ่งอันตรายอยู่ตรงนั้นจะทำให้เรามองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องเดินเข้าไปใกล้ เซฟชีวิตเอาไว้ได้เยอะทีเดียวดีกว่าไม่พกไฟฉายติดตัวไปเลยแล้วพอเดินไปยังมุมมืด ๆ จนโดนงูกัด, ตะขาบกัด มันไม่คุ้มค่าจริง ๆ
3.หน้ากากป้องกันฝุ่น N95
ตอนนี้ถือว่ากำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมมาก ๆ ซึ่งเจ้าหน้ากากอนามัยนี้ถือว่าใช้งานได้ดีกว่าหน้ากากทั่วไปอย่างมาก ขนาดสามารถกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดังนั้นการใช้งานในคลังสินค้าหลาย ๆ แห่งที่มีฝุ่นเยอะหรือมีกลิ่นของสารเคมีต่าง ๆ จะช่วยป้องกันในส่วนของระบบทางเดินหายใจ ป้องกันปอดได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น ถุงลมโป่งพอง, วัณโรค, มะเร็งปอด ฯลฯ
4.วิทยุสื่อสาร
อีกอุปกรณ์ป้องกันตัวชิ้นสำคัญสำหรับการทำงานภายในคลังสินค้า บางทีเราอาจเข้าไปทำนั่นทำนี่เพียงคนเดียงแล้วเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น เช่น กองสินค้าชั้นบนร่วงหล่นลงมา, ประตูถูกปิดจากภายนอก เป็นต้น การมีวิทยุสื่อสารจะช่วยให้สามารถเรียกคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงให้เข้ามาช่วยเหลือได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บหนัก
5.รองเท้าเซฟตี้
หรือบางคนจะเรียกว่ารองเท้าหัวเหล็กก็ได้ เป็นอีกอุปกรณ์ที่คนทำงานในคลังสินค้าควรใส่ติดเท้าเอาไว้เลย เนื่องจากรองเท้าประเภทนี้จะดีกว่ารองเท้าหุ้มส้นพวกผ้าใบทั่วไปตรงที่มีความหนามากกว่า ป้องกันการช็อตกรณีมีไฟรั่วหรือช่วยป้องกันน้ำยาสารเคมีต่าง ๆ ที่กัดกร่อนกับวัตถุทั่วไปได้ดี ปลอดภัยแน่แม้ต้องเดินเข้าไปในจุดเสี่ยงของคลังสินค้านั้น ๆ ไม่ว่ามุมไหนก็ตาม
6.หมวกเซฟตี้
อีกอุปกรณ์ที่เรามักเห็นคู่กับรองเท้าเซฟตี้ โดยเฉพาะคลังสินค้าที่มีสินค้าอยู่ด้านบนเยอะ ๆ การสวมหมวกเซฟตี้เข้าไปจะช่วยป้องกันอันตรายกรณีที่มีสินค้าหรือวัตถุอื่น ๆ ร่วงหล่นมาจากด้านบนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญหมวกประเภทนี้มีความแข็งแรงทนทานป้องกันศีรษะกระแทกกรณีลื่นล้มหรือศีรษะไปโขกกับสิ่งต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าได้อีกด้วย แม้แต่คนที่นาน ๆ เข้ามายังคลังสินค้าทีก็ควรต้องสวมเอาไว้ป้องกันอันตรายด้วยเหมือนกัน
7.ถุงมือเซฟตี้
เชื่อว่าเป็นอีกอุปกรณ์ที่หลาย ๆ คนจำเป็นต้องใช้มาก ๆ เพราะการหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าเราไม่รู้ว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหน การสวมถุงมือเซฟตี้ให้เหมาะกับงานจึงเป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันอาการบาดเจ็บบริเวณมือได้ เช่น จะหยิบท่อนไม้ที่มีเสี้ยนหรือตะปูเยอะ ๆ ใช้ถุงมือปลอดภัยกว่า, หยิบขวดน้ำยาสารเคมีบางชนิดหากไม่มีถุงมือ ตัวน้ำยาอาจกัดกร่อนมือจนเป็นแผลเอาได้ง่าย ๆ เป็นต้น
8.หน้ากากหรือแว่นตา
อุปกรณ์นี้กรณีที่ในคลังสินค้ามีฝุ่นละอองเยอะหรือมีสารเคมีที่ลอยตัวอยู่ในอากาศจำนวนมากสร้างอันตรายให้กับสายตาหากเข้าไปโดยไม่มีอะไรป้องกัน หน้ากากกับแว่นตา (แล้วแต่ความถนัดหรือกฎของคลังสินค้า) ถือเป็นตัวช่วยชั้นดีที่จะทำให้สายตาไม่เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ภายในคลังสินค้า
9.อุปกรณ์ช่วยลดเสียง
เป็นอีกอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลกรณีที่ภายในคลังสินค้านั้นต้องมีการใช้เสียงดังมาก ๆ เช่น เสียงการเจาะ, การบัดกรี ฯลฯ หากไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ช่วยลดเสียงเลยโอกาสที่จะเกิดปัญหาเรื่องการได้ยินในอนาคตมีสูงมาก ๆ เพราะได้รับเสียงดังเกินมาตรฐานเป็นประจำทุกวัน
10.ชุดสำหรับคลังสินค้า
อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายต้องบอกว่ามีหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับคลังสินค้าแต่ละประเภท เช่น คลังที่ต้องใช้คนขึ้นที่สูงควรมีชุดกันตกจากที่สูง, คลังสินค้าไหนมีฝุ่นละอองหรือสารเคมีเยอะควรสวมชุดป้องกันฝุ่นและสารเคมี เป็นต้น จะช่วยให้ปลอดภัยแน่นอน
ทั้ง 10 อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ ร้านไทยจราจร ได้นำเสนอไปนั้นนับว่ามีความสำคัญกับคนที่ทำงานด้านคลังสินค้ามาก ๆ อย่าประมาทคิดว่าทำจนเคยชินร่างกายไม่เป็นอะไร เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและต้องไม่ลืมว่าสารเคมีบางอย่างจะเข้าไปสะสมในร่างกายแล้วส่งผลในอนาคต
Block "content-bottom" not found
Block "catalog-trafficfence" not found
