อุปกรณ์จราจรที่สำคัญอีกประเภทซึ่งเราสามารถพบเห็นได้บ่อยมาก ๆ บนท้องถนนโดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการเตือนผู้ขับขี่ อุปกรณ์จราจรที่ว่านั่นคือ ไฟกระพริบพลังงานแสงอาทิตย์ หรือที่เรียกกันแบบเข้าใจง่ายว่า ไฟกระพริบโซล่าเซลล์ แม้เราจะเห็นกันจนชินตา แต่หลายคนคงยังมีข้อสงสัยว่าหากเราเองจำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์จราจรชนิดนี้ เราจะต้องเลือกติดตั้งเอาไว้บริเวณไหนบ้าง ดังนั้น ร้านไทยจราจร จะขอมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้กันว่าหากต้องการจะติดตั้งไฟกระพริบดังกล่าวควรเลือกติดตั้งตรงไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้งานสูงสุด
1.ติดตั้งบริเวณที่เป็นทางแยก – จุดแรกที่อยากแนะนำเชื่อว่าเป็นจุดที่หลายคนน่าจะพบเห็นกับอุปกรณ์ชนิดนี้และค่อนข้างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนั่นคือ ติดตั้งเอาไว้บริเวณทางแยกจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแยกเบี่ยงซ้าย-เบี่ยงขวา เพื่อให้รู้ว่าตรงกลางนี้จะเป็นจุดที่รถวิ่งไม่ได้แล้ว พอสังเกตเห็นไฟกระพริบผู้ขับขี่จะรู้ทันทีว่าทางข้างหน้าต้องแยกเบี่ยงไปทางใดทางหนึ่งหรือทางแยกที่เป็นทางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามีการติดตั้งเอาไว้เพื่อให้รู้ว่าถึงทางที่ต้องเลี้ยวแล้ว
2.บริเวณเกาะกลางถนนที่ไม่ค่อยมีไฟส่องสว่าง – บางเส้นทางโดยเฉพาะตามต่างจังหวัดที่กลางคืนไม่ได้มีไฟส่องสว่างยามค่ำคืนการติด ไฟกระพริบโซล่าเซลล์ นี้ไว้จะช่วยทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อมองเห็นชัดมากขึ้นก็เท่ากับว่าจะช่วยให้การขับรถยามค่ำคืนปลอดภัยมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เพราะรู้ว่าทางจะไปอย่างไรต่อ
3.บริเวณทางโค้งอันตรายต่าง ๆ – การติดตั้งบริเวณทางโค้งจะช่วยทำให้ผู้ขับขี่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะมีลักษณะแบบใดโดยเฉพาะเวลากลางคืนที่คนไม่คุ้นชินเส้นทาง อาจนึกภาพไม่ออกว่าโค้งข้างหน้าจะไปทิศทางไหนบ้าง การมีอุปกรณ์นี้ติดตั้งเอาไว้จะช่วยให้รู้ทิศทางการขับขี่ชัดเจนและไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุด้วย
4.จุดที่กำลังมีการก่อสร้าง – เป็นอีกจุดสำคัญที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์จราจรนี้ติดตั้งเอาไว้ เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้ว่าทางข้างหน้าจะต้องเป็นจุดอันตรายอะไรสักอย่าง การขับขี่จะชะลอความเร็วลง อย่างเช่น มีจุดก่อสร้างอยู่ข้างหน้า เมื่อติดเตือนเอาไว้ก่อน คนขับรถจะขับช้าลง ทำให้อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นก็น้อยลงตามไปด้วย เรียกว่าเป็นสัญญาณแจ้งเตือนให้รู้ตัวว่าทางข้างหน้าจะไม่ปกตินั่นเอง
5.ทางลอดอุโมงค์ต่าง ๆ – เป็นอีกจุดสำคัญที่ไม่ควรลืมติดตั้ง ไฟกระพริบโซล่าเซลล์ เอาไว้เลยเนื่องจากหลาย ๆ อุโมงค์จะค่อนข้างมีความมืดสูงมาก แล้วคนขับขี่ทั้งคุ้นชินหรือไม่คุ้นชินเส้นทางก็ตาม บางครั้งถ้ามันมืดเกินไป ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุย่อมสูง การมีอุปกรณ์ดังกล่าวติดตั้งเอาไว้ริมอุโมงค์จะช่วยบอกให้รู้ได้ว่าตอนนี้คุณขับชิดมากเกินไปหรือเปล่า อีกทั้งยังบอกทางข้างหน้าได้ด้วยว่าจะเบี่ยงเป็นแบบใดกันแน่
6.ก่อนถึงทางม้าลาย – เป็นอีกจุดที่ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์นี้เอาไว้เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้ตัวว่าทางข้างหน้าเป็นทางคนข้ามและจำเป็นต้องมีการชะลอความเร็วของรถด้วย ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับคนข้ามถนนได้ เราจึงมักเห็นว่ามีอุปกรณ์ตัวนี้ไปติดตั้งเอาไว้บริเวณก่อนถึงทางม้าลายอยู่เป็นประจำ
7.เขตโรงเรียนหรือเขตชุมชนที่ห้ามใช้ความเร็ว – คนขับรถก็ค่อนข้างคุ้นเคยกันดีกับบริเวณดังกล่าวที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟกระพริบพลังงานแสงอาทิตย์นี้ เพราะว่าบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน เดินขวักไขว่ไปมาอยู่ตลอด หากไม่มีการติดตั้งไฟแจ้งเตือนเอาไว้ให้ชะลอความเร็ว บางครั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้การติดตั้งก่อนถึงบริเวณดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุการจราจรได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน
8.จุดกั้นทางรถไฟ – บ่อยครั้งเราเห็นว่าทางรถไฟที่ไม่ได้มีไม้กั้นพร้อมสัญญาณเตือนพาดผ่านบนถนน ดังนั้นเมื่อเราเห็นว่าทางข้างหน้ามีไฟกระพริบ เราจะสังเกตก่อนทันทีว่าถนนมันเป็นอย่างไร เมื่อเราเห็นว่าถนนข้างหน้าคือทางรถไฟ คราวนี้เราจะชะลอความเร็วและมองซ้ายมองขวาก่อนว่าทางรถไฟดังกล่าวมีรถไฟวิ่งมาหรือไม่ หากไม่มีก็ขับผ่านไปได้เลย แต่ถ้ามีก็หยุดชะลอให้รถไฟไปก่อน
9.สี่แยก สามแยก หรือวงเวียนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร – การมีไฟกระพริบพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งเอาไว้บริเวณเหล่านี้จะช่วยให้คนที่ขับรถมาชะลอความเร็วและมองซ้ายมองขวาให้ดีก่อนขับรถออกตัวไป นอกจากช่วยเรื่องการลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้แล้วยังเป็นการบอกเส้นทางข้างหน้าด้วยว่าเป็นทางแยกหรือเป็นวงเวียนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนยามต้องขับเวลากลางคืน
10.ขอบทางด่วน สะพาน หรือทางเนินที่ด้านข้างเป็นหน้าผา – จุดสุดท้ายที่ควรติดตั้ง ไฟกระพริบโซล่าเซลล์ นั่นคือบริเวณที่เป็นทางยกระดับมาจากถนนปกติหรือข้างทางเป็นหุบเขาหน้าผา นั่นเพราะการติดแบบนี้จะทำให้ผู้ขับขี่รู้ว่าหากขับชิดขอบทางมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้นั่นเอง
จุดเหล่านี้ ร้านไทยจราจร เชื่อว่าเป็นจุดที่เรามองเห็นอุปกรณ์จราจรดังกล่าวจนคุ้นชินแต่อาจนึกไม่ถึงเท่านั้น เป็นอีกอุปกรณ์ในการช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีการติดตั้งเอาไว้เลย
Block "content-bottom" not found