การลดอุบัติภัยในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถโดยสารสาธารณะเราทุกคนสามารถทำได้โดยควรปฏิบัติตามกฎจราจร ทั้งนี้ มีข้อสงสัยที่ว่าเราควรขับรถเว้นระยะห่างเท่าไหร่จึงจะป้องกันอันตรายจากอุบัติภัยบนท้องถนนถึงขั้นเสียชีวิตได้ จนเป็นประเด็นซักถามในสังคมออนไลน์อยู่หลายแห่ง วันนี้ ร้านไทยจราจร จึงได้รวบรวมสาระดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเว้นระยะห่างในการขับขี่มาฝากกัน ดังนี้
การเว้นระยะห่างกับรถคันอื่นกฎหมายระบุว่าอย่างไรบ้าง
การเว้นระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าเราไม่ว่าคุณจะขับรถอะไร พรบ. จราจรทางบกไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน มอบให้อยู่ในดุลพินิจของผู้ขับขี่ ดังมาตรา 40 ได้ระบุว่าให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควรที่จะทันหยุดรถได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ หากมีการขับรถขึ้นสะพานหรือขึ้นบนทางลาดชัน ก็ต้องระวังไม่ให้รถของท่านถอยไปชนรถคันอื่น ดังที่เราไม่เคยเห็น ป้ายจราจร เตือนให้เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นอย่างการมี ป้ายเตือนความสูง ป้ายจำกัดความเร็ว ฯลฯ
หลักการโดยทั่วไปสำหรับเว้นระยะห่างจากรถคันอื่น
เราควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างไร ประเด็นนี้ต้องพิจารณาควบคู่กับความเร็วในการขับขี่ด้วย โดยทั่วไปใช้หลักการดังนี้
- กฎ 2 วินาที
หมายถึงการให้เรามีระยะของการเหยียบเบรกได้ทันก่อนที่รถจะชนกับรถข้างหน้าเป็นเวลา 2 วินาที โดยอิงจากงานวิจัยที่พบว่าสมองเราจะต้องใช้เวลาในการสั่งการจากกระบวนการคิดจนกระทั่งการเหยียบเท้าที่เบรกอย่างน้อย 2 วินาที ท่านที่มีการตัดสินใจช้าหรือลังเลใจบ่อย ๆ หรือขับรถไม่คล่องเป็นมือใหม่ป้ายแดง ก็ควรเพิ่มระยะเวลาให้มากกว่านี้ ถือคติว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
- อิงตามความเร็วรถ
ให้เว้นระยะห่างจากคันหน้าตามอัตราส่วนความเร็วรถที่ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น ทุก ๆ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า 5 เมตรเป็นขั้นต่ำ ดังนั้นถ้าวิ่งด้วยความเร็วรถ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะต้องเว้นระยะห่างไว้ถึง 25 เมตรจึงจะป้องกันอันตรายอุบัติเหตุรถชนถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ควรคิดว่าอุปกรณ์จราจรอย่าง ยางชะลอความเร็ว ยางปูพื้นกันลื่น จะเป็นตัวช่วยได้ทั้งหมด การลดความเร็วของตัวรถเองที่แล่นมาเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยควบคุมอุบัติเหตุได้มากที่สุด
ที่ไหนบ้างที่ควรเว้นระยะห่างให้มากขึ้นเป็นพิเศษ
บริเวณที่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเป็นพิเศษ ต้องดูตามสถานการณ์ เช่น
- การขับขี่บริเวณโรงเรียน ย่านชุมชน ตลาดนัด โรงพยาบาล หรือบริเวณอื่นที่อาจต้องมีการเร่งความเร็วและเบรกบ่อย ๆ มีสิ่งมีชีวิตเดินหรือวิ่งตัดหน้ารถ เช่น เด็กและสัตว์เลี้ยงในชุมชนนั้น
- บริเวณ ทางม้าลาย หรือ ทางเดินคนข้าม ก็เป็นจุดที่ควรเว้นระยะห่างให้มากขึ้น อย่าลืมว่าแม้ว่าจะมีสัญญาณไฟจราจร ควบคุมการข้ามถนนแล้ว แต่ก็อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้เช่นกัน
- บริเวณทางลาดชัน เส้นทางคดเคี้ยวตามไหล่เขา เช่น ทางลงเขาในภาคเหนือ ก็เป็นอีกบริเวณที่ต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกและความไม่คุ้นเส้นทาง ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยว มักทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
แม้ว่าหลายแห่งจะมีการติดตั้ง กรวยจราจร หรืออุปกรณ์ดูดซับแรงกระแทก เช่น แบริเออร์บรรจุน้ำหรือทราย ก็สามารถช่วยความรุนแรงของอุบัติเหตุได้บางส่วนและบางพื้นที่เท่านั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ตัวผู้ขับขี่ที่ต้องไม่ประมาท ขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นอย่างเหมาะสม หากทำให้เป็นกิจวัตรก็จะลดเปอร์เซ็นต์ของการเกิดอุบัติเหตุได้ไม่ว่าจะขับขี่รถที่ใดก็ตาม
สถานการณ์อะไรที่ควรเว้นระยะห่างในการขับขี่มากขึ้น
ในช่วงเวลาที่ฝนตกจะทำให้มีคราบน้ำมันไหลลื่นเคลือบบนพื้นถนน ทำให้ลดแรงเสียดทานในการขับขี่ เกิดอาการล้อไถล การเบรกจะยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์รถยนต์ 4 ล้อ 6 ล้อ 10 ล้อ รถพ่วง (ยิ่งรถใหญ่ และรถพ่วงที่ควบคุมลำบาก ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง) และหากมีน้ำหนักเพิ่มจากบรรทุกสิ่งของที่มากก็จะยิ่งเบรกได้ยากและใช้เวลามากขึ้น
สถานการณ์เช่นนี้จึงควรเพิ่มระยะห่างออกมาอีกหลายสิบเมตรจากรถคันหน้า เพื่อที่จะป้องกันรถชน พลิกคว่ำ อันเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การตรวจสภาพรถสำคัญกับการเบรก
ก่อนจะสตาร์ทเครื่องควรจะเช็คความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้แก่
- ผ้าเบรก เป็นประเด็นหลักที่พบบ่อยทำให้เบรกไม่อยู่ ต้องระวังไม่ปล่อยให้ผ้าเบรกหมดจนกระทั่งได้ยินเสียงดังเอี๊ยดเวลาเบรก มิเช่นนั้นจะส่งผลทั้งประสิทธิภาพในการเบรกและทำให้จานเบรกชำรุดไปด้วย แม้ว่าจะมีหลักเกณฑ์ในการเปลี่ยนผ้าเบรกทุก 50,000 กิโลเมตร แต่การใช้งานในเขตเมืองที่มีการเบรกบ่อย ๆ อายุการใช้งานก็จะสั้นกว่านั้นได้
- ปัจจัยส่วนอื่น ๆ เช่นน้ำมันเบรก ต้องเช็คว่าไม่มีการรั่วซึม ลูกยางและแม่ปั้มเบรกเสียหาย สายเบรกชำรุดจากหนูกัดแทะ รวมถึงล้อรถที่ขาดการดูแลเรื่องดอกยางทำให้ดอกยางโล้นจากการสึกหรอเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ควรเปลี่ยนยางเมื่อ ใช้งานไปประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนตามสภาพยางก็ได้
จะเห็นได้ว่าการเว้นระยะห่างจากรถคันอื่นเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุถึงขั้นร้ายแรงเสียชีวิตได้ ทั้งต้องไม่ลืมตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ร้านไทยจราจร หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านระมัดระวังการขับขี่และเป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
Block "content-bottom" not found