5 วิธีการจัดเรียงสินค้าบนรถส่งของอย่างไร ให้ใส่ได้เยอะมากที่สุด

การจัดเรียงสินค้าเพื่อบรรทุกบนรถส่งของเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการศึกษาวิธีการและวางแผนก่อนการทำการจัดวางจริง เพื่อประหยัดเวลาในการจัดเรียง และสามารถช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้ เพราะหากมีการบรรทุกสิ่งของน้อยเกินไป จากการวางไม่เป็นระเบียบ ก็จะทำให้ต้องใช้จำนวนเที่ยวของรถ จำนวนคนขับ และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น

ในบทความนี้ ร้านไทยจราจร จึงได้รวบรวม 5 วิธีการจัดเรียงสินค้าบนรถขนส่งหลากหลายประเภท เพื่อให้ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

 

 วิธีการที่ 1 การจัดเรียงด้วยเทคนิคพื้นฐาน คือ สิ่งของที่มีน้ำหนักมากและขนาดกล่องใหญ่วางไว้ชั้นล่าง หากน้ำหนักมากและใส่ในกล่องใหญ่ ก็ต้องวางไว้ชั้นล่างสุด กล่องที่ใหญ่ใกล้เคียงกัน แต่น้ำหนักเบากว่าก็จะวางเทินสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเป็นของที่มีน้ำหนักมาก แต่อยู่ในขนาดกล่องเล็ก ต้องแยกโซนออกมาอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ทำมาจากเหล็กหรือโลหะ เพราะถ้าหากนำไปรวมกับกล่องสินค้าที่ขนาดเล็กแต่น้ำหนักเบา เมื่อมีการขนส่งไปเรื่อย ๆ ผ่านระยะทางหลายสิบกิโลเมตร อาจจะมีการกลิ้งของกล่องหรือมีการกดทับของน้ำหนักของ ทำให้มีการแตกหักสินค้าได้รับความเสียหายได้

 

วิธีการที่ 2 การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยคำนวณ ปัจจุบันมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการออกแบบพื้นที่ 3 มิติ ในรถขนส่งสินค้า เช่น Cargo optimizer และ Load cargo ซึ่งจะมีการแสดงผลหน้าจอเป็นสีสันต่าง ๆ ตามขนาดของกล่องสินค้า ที่ลูกค้าทำการป้อนข้อมูลโปรแกรมลงไป แต่มีข้อแม้ว่าขนาดกล่องนั้นต้องไม่เกินกว่า 100 ขนาด ข้อดีของโปรแกรมประเภทนี้ คือ สามารถที่จะใช้ในการวางแผนได้ตั้งแต่ต้น ไม่จำเป็นต้องรอจนเห็นกล่องสินค้าจริง การคำนวณนี้จะแสดงผลว่า สามารถบรรทุกของได้กี่กล่อง รวมมูลค่าสินค้าทั้งคันรถให้เจ้าของธุรกิจได้แม่นยำได้ 100%

นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะแสดงภาพการกระจายน้ำหนักของสิ่งของได้แบบ 3 มิติ CG ทำให้ผู้ขับขี่รถขนส่งบรรทุกได้รับความปลอดภัยด้วย เพราะจะลดปัญหาเรื่องของน้ำหนักที่บรรทุกไม่เท่ากันด้านซ้ายขวาหรือด้านหน้าหลัง ที่ทำให้การควบคุมรถลำบาก

 

วิธีการที่ 3 การพันด้วยพลาสติกหุ้มสินค้าพาเลท การใช้รถที่เปิดประทุนด้านบนหรือว่าเปิดกระบะด้านท้ายออกไป จะสามารถบรรทุกสิ่งของได้สะดวกขึ้น เพราะสามารถที่จะยื่นออกไปภายนอกได้ ทั้งนี้ จะใช้หลักการเดียวกันหลักการคล้ายคลึงกันกับวิธีการที่ 1 คือการเอาสิ่งของหนักไว้ด้านล่าง กล่องใหญ่ไว้ด้านล่าง แต่ในส่วนที่เป็นด้านตอนท้ายของตัวรถ ก็จะต้องเป็นของที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ใช้เทคนิคในการพันด้วยพลาสติกหุ้มกล่องสินค้าแบบเดียวกันกับที่ใช้กับสินค้าบนพาเลท

แต่ก็มีข้อกำหนดทางกฎหมาย (พรบ.การจราจรทางบก 2522 มาตรา 5 และ 18) ที่ต้องระวัง คือ ถ้ามีการยื่นสิ่งของออกไปจากท้าย จะยื่นไปได้ไม่เกินระยะ 2.5 เมตร ส่วนด้านสูงต้องไม่เกิน 3.8 เมตร ถ้ามีการฝ่าฝืนก็จะถูกโทษปรับถึง 1,000 บาท และเพื่อความปลอดภัย ควรติดอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ตามหลังได้สังเกตเห็น เช่น การติด เทปสะท้อนแสง ที่ตัวกล่องที่อยู่ท้ายที่สุด หรือ ติด ไฟหมุน ไฟไซเรน เพื่อให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นนอกจากนี้ ยังสามารถใช้ ธงราวขาวแดง ล้อมสินค้า เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่คันอื่นระวังรถขนส่งมากขึ้น

 

วิธีการที่ 4 กรณีที่ขนส่งสินค้าด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ให้บริการส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเคอรี่หรือสกูต้า รวมถึงไลน์แมน จะมีการติดตะแกรงที่ด้านข้างและด้านหลังของตัวรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งนี้ ควรต้องมีการติดอุปกรณ์เสริม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวถุงที่ใส่สิ่งของเคลื่อนตัวเข้ามาติดกับล้อของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ในด้านของหลักการบรรทุกสิ่งของด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ถ้าเป็นของหนักและกล่องใหญ่ ก็ควรจะเอาไว้บนตะแกรงด้านหลังของรถ ของที่มีน้ำหนักมากแต่กล่องเล็ก ก็วางที่ตะแกรงด้านหน้า ส่วนสินค้าที่มีน้ำหนักน้อย ก็ใช้วิธีการเฉลี่ยน้ำหนักไว้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของตัวรถมอเตอร์ไซค์

 

 วิธีการที่ 5 การขนส่งด้วยรถตู้ เป็นบริการที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน เช่น FedEx ที่รถตู้จะมีความคล่องตัวในการขับขี่สูงและยังสามารถบรรทุกสินค้าได้มากถึง 750 กิโลกรัม ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ สินค้าที่ให้บริการจัดส่งด้วยรถตู้จะมีการกำหนดไว้เป็นน้ำหนักและขนาดสูงสุดที่รับได้ เพื่อบรรจุในกล่องมาตรฐาน ที่สามารถจัดเรียงตามขนาดได้สะดวก ตามหลักการจัดเรียงในข้อด้านบนที่กล่าวมาแล้ว

 

จะเห็นได้ว่า วิธีการที่บรรทุกสิ่งของบนรถขนส่งสินค้าที่ ร้านไทยจราจร นำมาเสนอทั้ง 5 วิธี เป็นเทคนิคที่ให้ทั้งความสะดวก ปรับเปลี่ยนได้กับยานพาหนะที่ใช้ในการประกอบธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ รถมอเตอร์ไซค์ รถตู้ รถคอนเทนเนอร์ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการการจัดส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์มากมาย ที่ต้องมีการศึกษาวิธีการเหล่านี้ เพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าในการทำธุรกิจ เพราะการบริหารพื้นที่ในรถขนส่งที่ดี จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรของบริษัท ทั้งด้านจำนวนคน น้ำมันเชื้อเพลิง เวลา ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ การเรียนรู้ซอฟต์แวร์เพื่อบริหารการจัดวางสินค้า โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ เป็นลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทำให้ช่วยควบคุมต้นทุนธุรกิจและคำนวณค่าใช้จ่าย ผลต่างกำไร ฯลฯ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น